ผู้สื่อข่าวรายงานจากกระทรวงพาณิชย์ว่า รัฐบาลได้เปิดประมูลสต๊อกข้าว 452,000 ตันในโครงการรับจำนำข้าว โดยมีผู้ยื่นซองเสนอราคาเข้ามาเพียงแค่ 4 ราย แบ่งเป็นผู้ที่เสนอซื้อข้าวขาว 5% เพื่อการส่งออก ได้แก่บริษัทรอยัลริชชี่ไรซ์ , บริษัทแคปปิตัลซีเรียลส์ ,บริษัทเอเชียโกลเด้นไรซ์ ส่วนบริษัทข้าวซี.พี. เสนอซื้อในส่วนของข้าวหอมมะลิ เพื่อใช้ในประเทศและส่งออก นายสุรศักดิ์ เรืองเครือ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ ในฐานะประธานคณะทำงานดำเนินการระบายข้าว กล่าวว่า การเปิดประมูลข้าวเป็นการทั่วไปรอบนี้ถือเป็นครั้งที่ 6 แม้จะมีผู้ยื่นซองเสนอราคาเพียง 4 ราย แต่ไม่ถือว่าน้อยเกินไป เพราะผู้ส่งออกปัจจุบันไม่ได้สต๊อกข้าวเก็บไว้ในปริมาณมาก เว้นแต่จะมีคำสั่งซื้อจากต่างประเทศถึงจะซื้อข้าวไปส่งออก และผู้ส่งออกทราบดีว่ารัฐจะเปิดประมูลข้าวสารในสต๊อกทุกเดือน ทำให้ไม่จำเป็นต้องมาเร่งซื้อข้าวเก็บเป็นสต๊อก อย่างไรก็ตามตั้งแต่ต้นปี ที่เปิดประมูลสต๊อกข้าวเป็นการทั่วไปรวม 6 ครั้ง ระบายออกไปได้ 700,000-800,000 ตันแล้ว จากที่เปิดประมูล 2 ล้านตัน หรือคิดการขายได้ 1 ใน 3 ของปริมาณที่เสนอขาย ถือว่าไม่ล้มเหลว ขณะเดียวกันยังขายข้าวในรูปแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) ซึ่งส่งมอบข้าวให้กับรัฐบาลต่างประเทศตั้งแต่กลางปี 55 ถึงปัจจุบันได้แล้ว 7-8 ล้านตัน ส่งเงินคืนกระทรวงการคลังจากการระบายข้าวสต๊อกรัฐบาลได้แล้ว 140,000 ล้านบาท และอีก 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ คาดว่าจะคืนเงินได้เพิ่มอีก 24,000 ล้านบาท “ตามเป้าหมายจนถึงสิ้นปีนี้ กระทรวงพาณชิย์ ต้องคืนเงินกระทรวงการคลังให้ได้ 200,000 ล้านบาท ซึ่งจะพยายามขายข้าวออกไปได้มากที่สุด เพื่อส่งเงินให้ได้ใกล้เคียงกับเป้าหมายให้ได้มากที่สุด เพราะขณะนี้มีคำสั่งซื้อข้าวจากไทยล็อตใหญ่เข้ามาหลายประเทศ ส่วนปีหน้าจะวางเป้าหมายส่งเงินคืนอีก 130,000 ล้านบาทในปี 57 หรือเฉลี่ย 12,000 ล้านบาทต่อเดือน” สำหรับการส่งออกข้าวตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-15 พ.ย.ที่ผ่านมา ไทยส่งออกข้าวรวม 5.6 ล้านตัน ลดลง 2-3%เทียบกับการส่งออกช่วงปีก่อนที่มีมูลค่าส่งออก 3,800 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 114,000 ล้านบาท ลดลง 5% ส่วนการบริจาคข้าวให้ประเทศฟิลิปปินส์นั้น กำลังรอที่ประชุมครม. พิจารณาว่าจะบริจาคไปช่วยเหลือในปริมาณเท่าไหร่ แต่ในแง่โอกาสของข้าวไทยมองว่าจากผลกระทบของพายุไห่เยี่ยน จะทำให้ไทยขายข้าวให้กับฟิลิปปินส์ได้มากขึ้น รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า วันที่ 20 พ.ย. นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ จะเป็นสักขีพยานในการลงนามซื้อขายข้าวในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) กับรัฐวิสาหกิจของจีนจากมณฑลเฮยหลงเจียง 1.2 ล้านตัน ซึ่งเป็นข้าวที่ได้หารือกันไว้ก่อนหน้านี้ โดยการลงนามเป็นสัญญาซื้อขาย มีกำหนดส่งมอบภายใน 1-2 ปี เริ่มตั้งแต่ต้นปี 57 และยังจะลงนามซื้อขายมันสำปะหลังในครั้งนี้ด้วย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ประมูลข้าวกร่อย มี 4 รายยื่นซอง
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs