นางสุทธินีย์พู่ผกา ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเปิดเผยระหว่างการศึกษางานเชิงปฎิบัติการด้านอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องแต่งกายมุสลิมประเทศอินโดนีเซียว่า สถาบันมีแผนที่จะส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลาง (ฮับ)อุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มแบบครบวงจรของอาเซียนภายในปี 59 ตั้งแต่การพัฒนาการผลิตสินค้า ศูนย์รวมของการค้าขาย การสร้างมูลค่าเพิ่ม แฟชั่นและมาตรฐานสินค้าเพื่อรองรับการแข่งขัน “หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ทำให้เป็นตลาดที่ใหญ่มีประชากรรวมกัน 600 ล้านคน ดังนั้นไทยจำเป็นต้องเร่งเตรียมพร้อมในทุกๆด้านโดยในปัจจุบันประเทศในอาเซียนที่มีอุตสาหกรรมสิ่งทอฯแบบครบวงจรคือไทยกับอินโดนีเซียโดยอินโดนีเซียเป็นตลาดใหญ่และโดดเด่นด้านเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายมุสลิมที่มีการพัฒนาแฟชั่นล้ำหน้ากว่าไทยแต่ในส่วนของไทยจะมีความโดดเด่นเรื่องฝีมือ ศักยภาพและคุณภาพสินค้าเสื้อผ้าทั่วไป” นางสุทธินีย์กล่าวว่า แม้ว่าประเทศไทยจะมีชาวมุสลิม 6-7 ล้านคนซึ่งน้อยกว่าอินโดฯที่มีกว่า 200 ล้านคนแต่สถาบันฯก็ให้ความสำคัญกับการพัฒนาเครื่องแต่งกายมุสลิมในไทยอย่างมากเช่นกันเพราะต้องการช่วยยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของประชากรใน 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้และยกระดับความสามารถการแข่งขันผู้ประกอบการทั้งการออกแบบ การสร้างตลาดและการจับมือทางธุรกิจกับผู้ประกอบการในเพื่อนบ้านมากขึ้น สำหรับการเดินทางมาศึกษางานในประเทศอินโดนีเซียนั้นสถาบันได้นำนักออกแบบผู้ประกอบการและผู้เชี่ยวชาญมาศึกษาวัฒนธรรมที่ถ่ายทอดบนเสื้อผ้าและเครื่องแต่งกายที่มีกว่า10,000 วัฒนธรรม ทั้งที่เป็นวัฒนธรรมใหญ่และวัฒนธรรมในชุมชนเล็กๆ เพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญคัดรูปแบบของอินโดนีเซียมาผสมกับวัฒนธรรมไทยของไทยในการออกแบบและลวดลายบนเครื่องแต่งกายมุสลิมของผู้ประกอบการไทยในอนาคตเพื่อรองรับความต้องการสินค้าแฟชั่นของชาวมุสลิมทั่วโลก “เท่าที่สอบถามผู้ประกอบการในอินโดฯ ส่วนใหญ่ก็จะมีการพัฒนาสินค้าด้วยตนเองโดยไม่ค่อยจ้างต่างชาติขณะที่บางรายก็ส่งลูกหลานไปเรียนถึงฝรั่งเศสและยุโรปประเทศอื่นเกี่ยวกับด้านดีไซน์จนสามารถพัฒนาแฟชั่นเครื่องแต่งกายมุสลิม ได้เป็นอย่างดีอย่างไรก็ตามประเทศไทยคงไม่เน้นการผลิตเครื่องแต่งกายมุสลิมมาเจาะตลาดที่อินโดนีเซียแต่ละเน้นการพัฒนาสินค้าและแฟชั่นให้สอดคล้องกับความต้องการสินค้าแฟชั่นของมุสลิมโลกโดยเฉพาะในตลาดที่มีกำลังซื้อสูงอย่าง ตะวันออกกลาง” นางสุทธินีย์กล่าวว่า ในปัจจุบันผู้บริโภคที่เป็นมุสลิมมีประมาณ2,000 ล้านคน ดังนั้นจะเร่งส่งเสริมให้ผู้ประกอบการเครื่องแต่งกายมุสลิมใน 5 จังหวัดที่มีความพร้อมให้สามารถออกไปมีบทบาทในการทำธุรกิจในอาเซียนมากขึ้นและสามารถใช้ประโยชน์สูงสุดจากภูมิภาคอาเซียนเพื่อให้ลูกค้าทั่วโลกรู้จักเครื่องแต่งกายมุสลิมจากประเทศไทยมากยิ่งขึ้นจากที่ปัจจุบันจะรู้จักเครื่องแต่งกายจากมาเลเซียและอินโดนีเซียมากกว่าไทย
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สถาบันฯสิ่งทอดันไทยเป็นฮับแฟชั่นอาเซียน
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs