นางเสาวณีย์ ไทยรุ่งโรจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลวิจัยเรื่อง “ประเทศไทยขาดอะไรในการเตรียมพร้อมเข้าสู่เออีซี” ว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการไทยส่วนใหญ่มีแผนที่จะไม่รับพนักงานหรือลดรับพนักงานใหม่ เนื่องจากเศรษฐกิจชะลอตัว และปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อ ส่งผลให้นักศึกษาที่จบใหม่ ทั้งในระดับปริญญาตรี ปวส. ปวช. ที่จบการศึกษาในปี 57 ประมาณ 50%  มีแนวโน้มตกงาน ดังนั้นบัณฑิตที่เพิ่งจบใหม่ที่ยังไม่ได้งานต้องเข้าโครงการอบรมความสามารถเฉพาะสาขาเพื่อรอช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัว “ตอนนี้ผู้ประกอบการชะลอการขอสินเชื่อเพื่อขยายกิจการ จึงมีการรับเด็กใหม่ไม่มากเพราะต้องประคองกิจการจนกว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นแล้วจึงเพิ่มปริมาณการรับคนใหม่ ดังนั้น เด็กจบใหม่ต้องเร่งพัฒนาศักยภาพให้พร้อมที่จะทำงานในแต่ละสาขา เนื่องจากผลสำรวจพบว่าในปัจจุบันผู้ประกอบการต้องการรับเด็กที่พร้อมทำงานทันทีและมีคุณธรรมมากกว่าเด็กที่เก่ง เพราะไม่ต้องเสียเวลาในการฝึกอบรมมากนัก” นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ในภาวะแบบนี้ผู้ประกอบการมีการปลดพนักงานไม่มากเพราะเจ้าของกิจการจำเป็นต้องเลี้ยงพนักงานโดยเฉพาะกลุ่มที่มีศักยภาพที่ต้องเก็บไว้รองรับในช่วงเศรษฐกิจฟื้นตัวและการเมืองสงบ ยกเว้นกลุ่มพนักงานรายวันที่พบว่าเจ้าของกิจการมีการลดหรือไม่ต่อสัญญาพนักงานกลุ่มนี้แล้ว 31.2% เพื่อลดต้นทุนในช่วงที่จำหน่ายสินค้าได้ไม่ดีนัก ส่วนการพิจารณารับเด็กจบใหม่ในแต่ ละสาขา เช่น พนักงานระดับปริญญาตรีขึ้นไปด้านสังคมศาสตร์ บริหารธุรกิจ บัญชี มนุษย ศาสตร์ เป็นต้น พบว่ามีผู้ประกอบการจะไม่จ้างงานเด็กใหม่เลย 10.5% จ้างน้อยลง 50.6% จ้างเท่าเดิม 28.4% และจ้างเพิ่มขึ้น 10.5% ส่วนพนักงานระดับปริญญาตรีขึ้นไปในสาขาวิทยา ศาสตร์ วิศวกรรมศาสตร์ไม่จ้างเด็กใหม่เลย 12.8% จ้างน้อยลง 50.9% จ้างเท่าเดิม 29.1% รับเพิ่มขึ้น 7.2% พนักงานในสำนักงานระดับ ปวช. และ ปวส. จะไม่รับเด็กจบใหม่ 15.5% รับน้อยลง 45.1% รับเท่าเดิม 27.1% รับเพิ่มขึ้น 12.3%, พนักงานในโรงงานระดับ ปวช. และ ปวส. จะไม่รับเด็กจบใหม่ 16.4%  รับน้อยลง 43.9% รับเท่าเดิม 28.9% และรับเพิ่มขึ้น 10.8%, ลูกจ้างรายวัน จะไม่จ้างเด็กใหม่ 18% รับน้อยลง 48.3% รับเท่าเดิม 24.7% และรับเพิ่มขึ้น 9% สำหรับคุณสมบัติที่ผู้ประกอบการต้องการจากบัณฑิตจบใหม่มากที่สุดคือ มีความพร้อมในการทำงานได้ทันทีโดยไม่ต้องสอนเพิ่ม มากที่สุด รองลงมาเป็นเด็กที่มีความขยันและตั้งใจทำงาน, มีจริยธรรมและคุณธรรม, เก่งภาษาอังกฤษ, อดทนและรับแรงกดดัน, เก่งภาษาประเทศเพื่อนบ้าน, ภาษาจีน และมีความรู้ด้านเทคโนโลยีและคอมพิวเตอร์ เป็นต้น นางเสาวณีย์ กล่าวว่า ผู้ประกอบการเสนอว่าสิ่งที่ประเทศไทยต้องมีการปรับปรุงเพื่อเข้าสู่เออีซีมากที่สุดคือเรื่องการเมืองที่ต้องมีเสถียรภาพ รองลงมาเป็นการวิจัยและพัฒนา, การปรับปรุงระบบสาธารณูปโภค, ภาษาอังกฤษ, จำนวนแรงงานที่ไม่มีทักษะ, คุณภาพของแรงงานที่มีทักษะ, คุณภาพการศึกษา, โครงสร้างภาษีที่สามารถแข่งขันได้ เป็นต้น ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษาซึ่งได้ประเมินนักศึกษาเข้าใหม่ ระดับปริญญาตรี ระหว่างปี 50-59 คาดว่าจะมีนักศึกษาเข้าใหม่ปีละ 500,000 คน และในช่วงปีเดียวกัน จะมีบัณฑิตระดับปริญญาตรีจบใหม่ปีละ 300,000-400,000 คน  ขณะที่ตัวเลขคาดการณ์แรงงานในปี 55-59 มีความต้องการแรงงานประมาณ 150,000 คนต่อปี.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บัณฑิตใหม่เตะฝุ่น50%

Posts related