นางรุ่ง มัลลิกะมาส โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เงินบาทที่อ่อนค่าลงขณะนี้ถือว่าเป็นไปตามทิศทางเดียวกับค่าเงินสกุลในภูมิภาค หลังจากที่คณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติปรับลดขนาดมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ(คิวอี) ลงอีก 10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สะท้อนให้เห็นว่าภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐฯปรับตัวดีขึ้น สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนในตลาดเงิน ทำให้นักลงทุนหันกลับไปถือครองเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐฯระยะสั้น ส่งผลให้เงินบาทและเงินสกุลอื่นทั่วโลกอ่อนค่าลง เมื่อเทียบกับสกุลดอลลาร์สหรัฐ ส่วนกรณีนางเจเน็ต เยลเลน ประธานเฟด ระบุว่า อาจจะปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งแรกหลังจากที่เฟดยุติการใช้มาตรการคิวอี ไปแล้ว 6 เดือนนั้นธปท. คาดว่าเฟดน่าจะขึ้นดอกเบี้ยช่วงต้นไตรมาส 2 ปีหน้า ซึ่งเร็วกว่าตลาดคาดไว้แต่ไม่ได้ถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงทิศทางดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยในปีนี้นั้น คาดว่าจีดีพีอาจจะโตต่ำกว่า 3% ซึ่งเป็นการโตต่ำกว่าศักยภาพ แม้ว่าการอุปโภคบริโภคในประเทศในค่อยๆฟื้นตัวกลับมาแล้วก็ตาม แต่ถือว่ายังไม่เต็มศักยภาพ เช่น การอุปโภคสินค้าไม่คงทน ถือว่ายังน้อยกว่าภาวะปกติส่วนสินค้าประเภทคงทน ก็ขยายตัวต่ำ เพราะเทียบกับฐานในช่วงเดียวกันของปีก่อนอยู่สูงเนื่องจากมีมาตรการกระตุ้นจากภาครัฐ การลงทุนก็ไม่มีความเชื่อมั่นและเติบโตน้อยกว่าที่ควรจะเป็น ส่วนการเบิกจ่ายภาคการคลังยังน้อยกว่าปกติ ขณะที่การส่งออกแม้จะได้รับอานิสงส์จากเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวขึ้นแต่ก็ขยายตัวในระดับต่ำ ไม่เต็มศักยภาพเช่นกัน พร้อมกันนี้ หากศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่2 ก.พ.ที่ผ่านมาเป็นโมฆะก็ไม่น่ามีผลให้เศรษฐกิจไทยโตต่ำกว่าที่คาดไว้อีก และถ้าเมื่อใดที่เศรษฐกิจไทยกลับมาโตได้ตามศักยภาพดอกเบี้ยนโยบายก็คงไม่ผ่อนคลาย “เดิมปีนี้ธปท.ไม่ได้คิดว่าเศรษฐกิจจะโตได้ต่ำกว่า 3% คาดไว้ว่าจะโต 4-5%แต่เมื่อปัจจัยต่าง ๆ เปลี่ยนแปลงไปนโยบายการเงินก็ต้องติดตามสถานการณ์ และปรับเปลี่ยนตามความเหมาะสมซึ่งหากไทยต้องการกลับมาโตได้ 4-5% ก็ตัองปรับตัวให้นโยบายการคลังสามารถดำเนินกิจกรรมได้เต็มศักยภาพการลงทุนต้องก้าวข้ามการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิต เพื่อตอบสนองความต้องการของตลาดโลกได้และยอมรับว่ารัฐบาลต้องจัดทำงบประมาณแบบขาดดุลมากขึ้น เพื่อเดินหน้าโครงการลงทุนต่างๆ ตามแผนเบิกจ่ายภายใต้กรอบงบประมาณปกติไม่เช่นนั้นจะทำให้ไทยสูญเสียโอกาสและขีดความสามารถในการแข่งขัน”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธปท.คาดจีดีพีโต 3%
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs