นายยรรยง พวงราช รมช. พาณิชย์ เปิดเผยในงานสัมมนา “ความเป็นหุ้นส่วนภาคธุรกิจระหว่างอาเซียนและฮ่องกง” ระหว่างที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียน (เออีเอ็ม) เดินทางโรดโชว์ที่ฮ่องกงว่า ประเทศไทยในฐานะที่เป็นผู้ประสานงานระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนได้เชิญนักลงทุนฮ่องกงเข้ามาลงทุนในอาเซียน เพราะเป็นแหล่งที่น่าลงทุนมากที่สุดในโลก เนื่องจากอาเซียนกำลังจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 58 และอยู่ระหว่างการเจรจาตกลงพันธมิตรทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคกับอีก 6 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น จีน เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์และอินเดีย ซึ่งมีกำหนดเจรจาจบในปี 58 เช่นกัน ทั้งนี้ในกลุ่มอาเซียนเป็นตลาดที่น่าลงทุน มีประชากรกว่า 600 ล้านคน มูลค่าจีดีพีรวม 2.2 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ มีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 5.7% ในปี 55 มีทรัพยากรทั้ง น้ำมัน ก๊าซ ไม้ พืชอาหาร ประมง และมีงานงานฝีมือเพิ่มมากขึ้น ทำให้อาเซียนเป็นผู้ผลิตที่มีศักยภาพในการแข่งขันและส่งออกด้านอิเล็กทรอนิกส์ สิ่งทอ รถยนต์ อุปกรณ์จักรกล และสินค้าอุตสาหกรรมอื่นๆ “ยิ่งเมื่ออาเซียนเปิดเออีซีและร่วมเปิดเสรีกับอีก 6 ประเทศ จะทำให้เกิดกลุ่มการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุด มีประชากร 3,200 ล้านคน นับเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรโลก มีมูลค่าการค้าถึง 40% ของโลก ซึ่งหากฮ่องกงมาลงทุนในอาเซียน ก็จะได้รับประโยชน์จากเอฟทีเอของอาเซียนและระหว่างอาเซียนกับประเทศคู่เจรจาอื่นๆ” นายยรรยง กล่าวว่า ยังได้เชิญชวนให้นักลงทุนฮ่องกงเข้ามาลงทุนพัฒนาระบบโลจิสติกส์ในอาเซียน รวมทั้งไทย เพราะปัจจุบันอาเซียนมีแผนที่จะพัฒนาระบบโลจิสติกส์เชื่อมโยงในภูมิภาค โดยล่าสุดได้ร่วมมือกับจีน ภายใต้ความร่วมมือเพื่อการพัฒนาอาเซียน-ลุ่มแม่น้ำโขง ที่จะมีโครงการสร้างทางรถไฟเชื่อมคุนหมิงไปยังสิงคโปร์ผ่านประเทศอาเซียนบางประเทศ ซึ่งนอกจากจะช่วยลดค่าขนส่งและความสูญเสียทางเศรษฐกิจของภูมิภาคแล้ว ยังจะช่วยกระตุ้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และดึงดูดนักลงทุนมาสู่อาเซียนด้วย “โดยในส่วนของไทย มีแผนที่จะลงทุนในโครงการลงทุนโครงสร้างพื้น 2.2 ล้านล้านบาท เช่น การสร้างทางรถไฟความเร็วสูงไปสู่เมืองสำคัญๆ และประเทศเพื่อนบ้าน รวมถึงการปรับปรุงการขนส่งสาธารณะในกรุงเทพฯ ซึ่งไทยได้เปิดให้ต่างชาติมายื่นประมูล และพร้อมที่จะเปิดรับนักลงทุนจากฮ่องกง” นอกจากนี้ ในส่วนของฮ่องกง อาเซียนกำลังจะเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรีกับฮ่องกง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านการค้าและการลงทุน โดยจะเริ่มการเจรจาในปี 57 ประกอบด้วย การค้าสินค้า บริการ การลงทุน ทรัพย์สินทางปัญญา ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและอื่นๆ ซึ่งเอฟทีเออาเซียน-ฮ่องกง จะช่วยกระชับความสัมพันธ์ทั้งด้านการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนและฮ่องกงมากขึ้น
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ดึงฮ่องกงเข้าอาเซียน
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs