เดี๋ยวนี้คำว่าธุรกิจ ไม่ใช่เพียงเรื่องซื้อ ๆ ขาย ๆ อีกต่อไป ต้องอาศัยเทคโนโลยี เพื่อเพิ่มโอกาสในการแข่งขันให้สูงขึ้น จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจหากไทยจะต้องปรับตัวให้กลายเป็นศูนย์กลางการวิจัยและการพัฒนา หรือที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า “R&D” (Research and Development) การพัฒนาเศรษฐกิจของโลกปัจจุบันนั้น ขึ้นอยู่กับเทคโนโลยีเป็นหลักประเทศใดมีการผลิตสินค้าใหม่ ๆ ที่มีประสิทธิภาพสูง และต้นทุนการผลิตต่ำลงไปเรื่อย ๆ ก็ถือว่าประเทศนั้นมีการผลิตที่ขยายตัว และมีการเติบโตของเศรษฐกิจมากกว่าผู้อื่น การทำ R&D หรือค้นคว้าวิจัยจึงเป็นเงื่อนไขหลักของความสำเร็จในด้านนี้ในโลกปัจจุบัน มาตรวัดการเติบโตด้านนี้จึงต้องดูจากงบประมาณที่ใช้ในด้าน R&D ว่าเท่าใดจากผลิตภัณฑ์มวลรวมหรือที่เรียกว่า GDP ประเทศอิสราเอลนั้นเป็นประเทศที่ใช้งบประมาณด้าน R&D มากเป็นอันดับหนึ่งของโลกคือ 4.8% ของ GDP ตามด้วย สวีเดน ฟินแลนด์ ญี่ปุ่น เกาหลี ที่มีสัดส่วนกว่า 3% และตามมาด้วย สหรัฐอเมริกา เยอรมนี สิงคโปร์ ฝรั่งเศส ที่มีสัดส่วนกว่า  2% ของ GDP สำหรับประเทศไทยนั้นยังอยู่ห่างจากประเทศที่เอ่ยมาก คืออยู่ที่  0.2% ของ GDP และขนาดของ  GDP ของเราก็เล็กกว่าประเทศข้างต้นอย่างมากมาย ถ้าลองสังเกตดูก็จะเห็นได้ว่า ประเทศไทยนั้นไม่ค่อยมีสินค้าที่เป็นยี่ห้อของเราในตลาดโลกเลย โอกาสที่จะมีการเติบโตสูงกว่าเดิมนั้นมีอีกมาก รัฐบาลชุดที่แล้วก็มีนโยบายเพิ่มการทำ R&D เป็น 1% ของ  GDP ซึ่งก็จะส่งผลให้ไทยสามารถคิดค้นสินค้าใหม่ ๆ ได้ ทิศทางของ R&D ไทยควรจะมุ่งเน้นเป็นที่การผลิตสินค้าและมีตลาดอยู่แล้ว เช่น พืชผลทางด้านการเกษตร จะมีการค้นคว้าวิจัยด้านไบโอเทคโนโลยี ด้านอุตสาหกรรมก็มีด้านรถยนต์ จักรยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าต่าง ๆ ด้านการแพทย์ หรือวงการผลิตภาพยนตร์เองก็จะมีการขยายการทำ R&D สำหรับอมตะ ก็วางแผนที่จะสร้างเมืองวิทยาศาสตร์ในอนาคตอันใกล้นี้ เพื่อจะนำมาทำการวิจัยค้นคว้าผลิตภัณฑ์ดังกล่าวข้างต้นทั้งหมด เชื่อว่าการพัฒนาประเทศไทยก็จะมีการขยายตัวในด้านนี้เป็นส่วนใหญ่. วิกรม กรมดิษฐ์

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ไทยจะเป็นศูนย์กลาง การวิจัยและพัฒนา R&D – มองโลกแบบวิกรม

Posts related