ทุกวันนี้สังคมไทยมีการพูดถึงเรื่องประหยัดพลังงานกันมากขึ้น เนื่องจากเรื่อง “พลังงาน” ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันของทุกคน ยิ่งเมื่อโลกมีประชากรเพิ่มขึ้น ความต้องการใช้พลังงานก็เพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ในขณะที่พลังงานเป็นสิ่งที่ใช้แล้วหมดไป การใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ช่วยกันประหยัด จึงเป็นแนวทางที่ช่วยให้มีพลังงานใช้ได้อย่างยั่งยืน “เอสซีจี” ถือเป็นหนึ่งในองค์กรธุรกิจที่นอกจากจะให้ความสำคัญกับเรื่องนวัตกรรมแล้ว ในเรื่องการบริหารจัดการด้านพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และดูแลสิ่งแวดล้อมให้ยั่งยืน ก็เป็นสิ่งที่ให้ความสำคัญไม่น้อยไปกว่ากัน สะท้อนจากการพัฒนาอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมหรือ Green Building จนมาเป็น การก่อสร้าง “อาคารเอสซีจี 100 ปี” ซึ่งถือเป็นต้นแบบอาคารประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมของทางเอสซีจี นายรุ่งโรจน์ รังสิโยภาส กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี เปเปอร์ และประธานคณะกรรมการการพัฒนาอย่างยั่งยืน เอสซีจี เปิดเผยว่า อาคารเอสซีจี 100 ปี ออกแบบและก่อสร้างโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การอนุรักษ์พลังงาน และคุณภาพชีวิตของผู้ใช้อาคาร เพื่อเป็นองค์กรต้นแบบของอาคารที่ประหยัดพลังงานและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้รับการรับรองมาตรฐาน ประเภทอาคารสร้างใหม่ระดับสูงสุด LEED BD+C Platinum (Leadership in Energy and Environmental Design for Building Design and Construction) จากสภาอาคารเขียวสหรัฐอเมริกา (U.S. Green Building Council: USGBC) ซึ่งถือเป็นมาตรฐานสากลที่เป็นที่ยอมรับระดับโลก จากเป้าหมายที่ต้องการให้เป็นอาคารแห่งความยั่งยืนอย่างแท้จริง จึงเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการก่อสร้าง ด้วยการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในทุกขั้นตอนการผลิต รวมถึงใช้วัสดุรีไซเคิล อาทิ การเลือกวัสดุที่ไม่ก่อให้เกิดสารพิษ ใช้สีทาภายใน กาวและสารเคมีที่มี VOCs ตํ่า การใช้กระเบื้อง ที่มีส่วนผสมของวัสดุรีไซเคิล 60% ตลอดจนควบคุมงานในระหว่างก่อสร้าง และกำจัดเศษวัสดุต่าง ๆ ไม่ให้ส่งผลกระทบต่อชุมชนโดยรอบ โดยได้มุ่งเน้นคุณประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศเป็นหลัก ได้แก่ ลดความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ด้วยการติดตั้งกระจก 2 ชั้นที่มีค่าสัมประสิทธิ์การถ่ายเทความร้อนตํ่า ส่วนระเบียงรอบอาคาร ก็ป้องกันแดดและความร้อนเข้าสู่ตัวอาคาร ลดการใช้พลังงานไฟฟ้า โดยใช้ระบบแสงสว่างหลอดประหยัดไฟฟ้า T5 หลอด แอลอีดี (LED) ที่ช่วยประหยัดไฟฟ้าได้ปีละ 250,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง รวมทั้งยังมีการติดตั้งแผงเซลล์แสงอาทิตย์ที่ผลิตไฟฟ้าปีละ 99,000 กิโลวัตต์ชั่วโมง ถือเป็นการนำพลังงานแสงอาทิตย์มาใช้ประโยชน์ ส่วนพื้นที่เปิดโล่งบริเวณดาดฟ้าสามารถใช้สำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง ขณะที่อุปกรณ์สำนักงานใช้อุปกรณ์ที่ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าโดยรวมของอาคาร พร้อมกับใช้ระะบบลิฟต์อัจฉริยะ (Destination Control) ช่วยประหยัดพลังงานจากการคำนวณปริมาณผู้โดยสาร ทำให้สามารถลดระยะเวลาจอดรอและจำนวนเที่ยวได้ สำหรับลดการใช้นํ้า มีระบบการบริหารจัดการนํ้า ที่นำนํ้าฝนและนํ้าเสียที่ได้รับการบำบัดแล้ว 100% ด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย มาใช้ชำระล้างสุขภัณฑ์และรดนํ้าต้นไม้ ลดการใช้นํ้าประปาได้ถึง 74 % และเลือกใช้สุขภัณฑ์และอุปกรณ์ประหยัดนํ้า ช่วยประหยัดนํ้ามากกว่า 30% ทั้งนี้ยัง ปรับปรุงภูมิทัศน์รอบตัวอาคาร ให้มีความร่มรื่น มีพื้นที่สีเขียวมากกว่าร้อยละ 50 ของพื้นที่เปิดโล่ง สามารถใช้เป็นมุมพักผ่อนและใช้ประโยชน์ได้หลากหลาย และที่สำคัญคือสร้างเสริมสุขภาพคนทำงานและตอบสนองการใช้ชีวิตการทำงานได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ เอสซีจียังจัดทำ เอสซีจีสมาร์ท ออฟฟิศ (SCG Smart Office) เพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการอาคารด้วยระบบอัตโนมัติ (Building Automation System:BAS) อาทิ ระบบปรับอากาศ ระบบไฟฟ้าแสงสว่าง รวมถึงมุ่งเน้นเรื่องกิจกรรมสีเขียว ลดการเดินทางของพนักงานโดยจัดทำห้องประชุมวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ที่นำเทคโนโลยีมาใช้สื่อสารเพื่อลดระยะเวลาและการเดินทางของพนักงาน ขณะที่ได้จัดที่จอดรถจักรยาน สำหรับพนักงานที่ต้องการขี่จักรยานมาทำงานเพื่อส่งเสริมสุขภาพและลดมลพิษจากการใช้รถยนต์ และที่จอดรถยนต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจอดรถใกล้ทางเข้าเพื่อเป็นสิทธิประโยชน์แก่ผู้ใช้รถที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม จากความสำเร็จในการพัฒนาอาคารต้นแบบ ทางเอสซีจี จึงได้จัดตั้งหน่วยงาน เอสซีจี กรีน โซลูชั่น (SCG Green Solution) ให้คำปรึกษาด้านอาคารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกับองค์กรภายนอก เพื่อสนับสนุนการพัฒนางานสถาปัตยกรรมอย่างยั่งยืนให้สอดคล้องกับระบบเศรษฐกิจและสังคมที่มีการเปลี่ยนแปลงและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ต้นแบบอาคารประหยัดพลังงาน – ฉลาดสุดๆ

Posts related