นายลักษณ์ วจนานวัช ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร(ธ.ก.ส.) เปิดเผยว่า คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ได้มีมติเห็นชอบให้ดำเนินโครงการประกันภัยข้าวนาปี ปีการผลิต 57 เพื่อช่วยให้เกษตรกรลดความเสี่ยงจากปัญหาภัยธรรมชาติและภัยพิบัติต่าง ๆ โดยมอบหมายให้ธนาคารเป็นผู้บริหารโครงการประกันภัยข้าว และเป็นตัวกลางระหว่างเกษตรกรผู้เอาประกันภัยกับผู้รับประกันภัย พร้อมตั้งเป้าหมายพื้นที่นาข้าวที่จะเข้าร่วมโครงการ 1.5 ล้านไร่ ซึ่งเกษตรกรสามารถซื้อประกันได้ที่ ธ.ก.ส. ทุกสาขา จนถึงสิ้นเดือน ธ.ค.57 นี้ ทั้งนี้ เงื่อนไขโครงการครั้งนี้กำหนดให้เกษตรกรที่เข้าร่วมโครงการ รับภาระค่าเบี้ยประกันภัยตามลำดับความเสี่ยงของพื้นที่ซึ่งแบ่งเป็น 5 ระดับ โดยคิดอัตราค่าเบี้ยประกันภัยรวมภาษีมูลค่าเพิ่มและอากรแสตมป์ คือ พื้นที่เสี่ยงต่ำที่สุดอยู่ที่ 129.47 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราเพียง 60 บาทไร่, พื้นที่เสี่ยงต่ำมาก 247.17 บาทต่อไร่เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราเพียง 70 บาทไร่, พื้นที่เสี่ยงต่ำ 376.64 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราเพียง 80 บาทไร่, พื้นที่เสี่ยงปานกลาง 472.94 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราเพียง 90 บาทไร่ และพื้นที่เสี่ยงสูง 510.39 บาทต่อไร่ เกษตรกรจะจ่ายค่าเบี้ยประกันในอัตราเพียง 100 บาทไร่ นอกจากนี้ ธ.ก.ส. อุดหนุนค่าเบี้ยประกันภัยให้กับเกษตรกรที่เป็นลูกค้าอีกไร่ละ 10 บาท ทำให้เกษตรกรจ่ายค่าเบี้ยประกันภัยเพียง 50-90 บาทต่อไร่ ซึ่งการประกันภัยจะคุ้มครองความเสียหายที่เกิดจาก น้ำท่วม ภัยแล้งหรือฝนทิ้งช่วง ลมพายุ อากาศหนาว ลูกเห็บและไฟไหม้ โดยได้รับชดเชย 1,111 บาทต่อไร่ ยกเว้นศัตรูพืชและโรคระบาด ได้รับการชดเชย 555 บาทต่อไร่ “เชื่อว่าจะทำได้ตามเป้าหมาย 1.5 ล้านไร่แน่นอน เพราะปัจจุบันมีเกษตรกรอยู่ 3.5 ล้านครัวเรือน คิดเป็นพื้นที่กว่า 64 ล้านไร่ ซี่งเป้าหมายดังกล่าวคิดเป้นเพียง 3% เท่านั้น หากต่อไปยิ่งเข้ามาซื้อประกันกันมากค่าเบี้ยก็จะถูกลง โดยการทำประกันภัยนาข้าวถือเป็นการจัดการความเสี่ยงในด้านการผลิตแก่เกษตรกร เพราะในกรณีที่ประสบความเสียหาย เกษตรกรจะได้รับการช่วยเหลือจากภาครัฐในเบื้องต้น 1,113 บาทต่อไร่ เมื่อรวมกับประกันภัยที่เกษตรกรซื้อไว้อีก 1,111 บาทต่อไร่ เท่ากับว่าเกษตรกรได้รับเงินชดเชยไร่ละ 2,224 บาท ช่วยให้เกษตรกรมีต้นทุนที่สามารถเริ่มต้นการเพาะปลูกในรอบถัดไปได้ อันเป็นการบรรเทาความเสี่ยงที่เกิดขึ้น”
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดโครงการประกันภัยนาข้าวปี 57
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs