นายสมชัย สัจจพงษ์ อธิบดีกรมศุลกากร เปิดเผยว่า ขณะนี้ ยังไม่มีข้อสรุปเกี่ยวกับการกำหนดมูลค่านำเข้า ที่เป็นลักษณะไม่เกินกว่าการใช้เองมีราคารวมกันไม่เกินกว่า 10,000 บาท ซึ่งต้องขอกลับไปดูรายละเอียดอีกครั้ง โดยระหว่างนี้ได้สั่งการให้ปลดป้ายดังกล่าวออกไปก่อน เพราะยังมีวิธีอื่นที่จะให้ความรู้กับประชาชนอย่างละมุนละม่อม แต่ยืนยันยังคงเข้มงวดเหมือนเดิมตามมาตรฐานสากลที่ใช้วิธีสุ่มตรวจ โดยที่ผ่านมากรมฯมีข้อมูลของกลุ่มบุคคล (พรีออเดอร์) และเป้าหมายที่จะตรวจกระเป๋าเดินทาง ซึ่งรับรู้ได้ทั้งจำนวนกระเป๋า และหากพบว่ามีการนำเข้าสิ่งของที่เกิดการค้าขายทางเชิงพาณิชย์ก็สั่งให้เจ้าหน้าที่จัดการได้ทันที ทั้งนี้ หลังจากนี้คงจะต้องดำเนินการเป็นตัวอย่าง โดยเฉพาะกลุ่มที่ดำเนินการค้าขายทางเชิงพาณิชย์ ที่มีจำนวนมากกว่า 10,000 บาท หรือไปหลักล้านบาท ต้องเข้มงวด และหากมีเจ้าหน้าที่มีส่วนรู้เห็นก็จะดำเนินการเอาผิดทันที แต่การที่จะเสนอให้แก้ไขในส่วนต่าง ๆ นั้น เป็นส่วนนโยบายที่ต้องมีการหารืออีกครั้ง เนื่องจากต้องดูข้อดีและข้อเสียให้รอบครอบ เพื่อไม่ให้เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนบริโภคสินค้าฟุ่มเฟือยจนมากเกินไป เช่น กระเป๋า นาฬิกา เสื้อผ้า เป็นต้น “ที่ผ่านมา การขึ้นป้ายประกาศดังกล่าว เชื่อว่าเป็นการหวังดีของอธิบดีศุลกากรคนเก่าที่ต้องการให้ความรู้กับประชาชน ซึ่งเรื่องนี้ไม่ใช้เรื่องใหม่ เพราะเป็นกฎหมายที่มีมานานแล้ว และได้ดำเนินการติดตั้งป้ายมาเป็นเวลากว่า 3 สัปดาห์ที่แล้ว ก่อนที่ผมจะเข้ามารับตำแหน่งเสียอีก อย่างไรก็ดี ยังมีวิธีอื่นที่จะให้ความรู้กับประชาชนอย่างละมุนละม่อม” อย่างไรก็ตาม งานเร่งด่วนของกรมศุลกากร คือ พยายามจัดเก็บรายได้ให้มากที่สุด เท่าที่มากได้ให้ใกล้เคียง 130,000 ล้านบาทส่วนมาตรการเร่งด่วนอื่น ๆ ต้องสอดรับกับนโยบายของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยเฉพาะการเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ที่กรมฯ เป็นส่วนสำคัญการค้าชายแดน โดยเฉพาะการพัฒนาระบบเชื่อมโยง (เนชั่นแนล ซิงเกิล วินโดว์) ที่ต้องให้เกิดขึ้นโดยเร็ว รวมทั้ง การแก้ไขกฎหมายต่าง ที่เป็นอุปสรรคและไม่เป็นธรรมกับภาคเอกชนให้มีความโปร่งใสมากขึ้น เช่น ผู้ประกอบการ ที่เกิดกรกระทำผิดที่เป็นกรณีเล็กกรณีน้อยก็ปรับ 4 เท่า ทั้งตั้งใจหรือไม่ต้องใจ แต่ปรับเท่ากัน โดยมองว่ากรณีดังกล่าวไม่เหมาะสม

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สั่งเจ้าหน้าที่จัดการธุรกิจพรีออเดอร์

Posts related