นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงานเปิดเผยในโอกาสเดินทางเข้ามารับตำแหน่งใหม่เป็นวันแรกว่า ว่าภารกิจในการมาทำงานในฐานะปลัดกระทรวง คือ การสร้างความมั่นคงด้านพลังงานซึ่งเป็นประเด็นที่นักลงทุนต้องการความมั่นใจว่า จะมีแหล่งพลังงานเพียงพอหรือไม่ขณะเดียวกันในสายตาของหลายฝ่าย ยังไม่มีความเข้าใจในเรื่องภาพรวมของพลังงานไทย  รวมถึงมีการใช้ประโยชน์เต็มที่กับประเทศหรือไม่โดยจะเข้ามาพิจารณาระบบต่างๆให้ชัดเจนพร้อมทั้งสร้างความเข้าใจกับทุกฝ่าย สำหรับที่ยังมีความขัดแย้งทางความคิดในเรื่องพลังงานนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ที่ท้าทาย ซึ่งจะต้องมาหารือกัน เพื่อให้เกิดความชัดเจนถ้ามีข้อเท็จจริงก็ต้องนำออกมาดูว่าเป็นอย่างไร ส่วนจะเรียกทางกลุ่มรสนาโตสิตระกูล มาพูดคุยหรือไม่ นั้นที่ผ่านมาทางคสช.และกระทรวงพลังงานก็มีการหารือกันไปแล้วระดับหนึ่ง  ส่วนจะกดดันหรือไม่ที่มารับตำแหน่งปลัด ที่ข้ามหน่วยงานแบบนี้ตอนที่อยู่กระทรวงการคลังมีโอกาสได้หารือกับกระทรวงพลังงานในหลายๆเรื่องโดยเฉพาะการหาแหล่งพลังงน โดยจะทำงานให้เต็มที่ ชัดเจน และรวดเร็วพร้อมกับหารือกับทุกๆฝ่ายที่เกี่ยวข้อง  อย่างไรก็ตาม ได้เรียกประชุมร่วมกับผู้บริหารกระทรวงพลังงานเพื่อรับฟังแนวทางการทำงานในแต่ละด้าน เพื่อนำมาปรับใช้ในการดำเนินงานต่อไปซึ่งก่อหน้านี้ที่เคยหารือร่วมกับกระทรวงพลังงานมาโดยตลอดโดยเฉพาะการสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน เป็นเรื่องที่ให้ความสำคัญเพราะเคยพบกับนักลงทุนญี่ปุ่นก็มีแผนจะเข้ามาลงทุนตั้งโรงงงานในไทย แต่ต้องการทราบความชัดเจนเรื่องพลังงานในอนาคตจะมีเพียงพอหรือไม่สิ่งเหล่านี้จะต้องตอบให้ได้  แหล่งข่าวจากวงการน้ำมัน กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ค้าน้ำมันกำลังรอนโยบายการปรับโครงสร้างราคาพลังงานจากคสช. โดยคาดหวังว่าภายในสุดสัปดาห์นี้จะมีความชัดเจนในการปรับโครงสร้างราคาตามที่พล.อ.อ.ประจินจั่นตอง หัวหน้าฝ่ายเศรษฐกิจคสช.ได้รับปากไว้เนื่องจากปัจจุบันค่าการตลาดกลุ่มเบนซินเฉลี่ยเหลือเพียง 40 สตางค์ต่อลิตร จากค่าการตลาดที่เหมาะสมควรอยู่ที่ 1.50 บาทต่อลิตรขณะที่คสช.ขอให้ตรึงราคาขายปลีกไว้ตั้งแต่วันที่ 23 มิ.ย.57ทำให้ผู้ค้าน้ำมันต้องแบกภาระขาดทุนประมาณวันละ 18-20 ล้านบาทรวมระยะเวลาขาดทุนสะสม 10 วัน คือ 23มิ.ย.-3ก.ค. ประมาณ 180-200 ล้านบาท  “การใช้น้ำมันกลุ่มเบนซินโดยรวมอยู่ที่วันละ 20 ล้านลิตรซึ่งขณะนี้ค่าการตลาดเฉลี่ยเหลือเพียง 40 -50 สตางค์ต่อลิตรที่ผ่านมาทำให้เฉลี่ยขาดทุน 1บาทต่อลิตรทำให้การขาดทุนจะอยู่ที่วันละ18-20 ล้านบาท แต่ทั้งนี้เชลล์ และเชฟรอน(คาลเท็กซ์)ทำการปรับราคาขายปลีกนำค่ายอื่นไป 50 สตางค์ต่อลิตร 2 รายนี้จะขาดทุนน้อยลงกว่าค่ายอื่นแต่กระนั้นเชลล์ก็คงลำบากเพราะไม่มีโรงกลั่นที่จะมาช่วยรับภาระนี้ได้ดังนั้นผู้ค้าน้ำมันจึงต่างรอคอยนโยบายคสช.ว่าจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรหลังจากที่คสช.รับปากจะชัดเจนนโยบายดังกล่าวใน10 วัน”  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “อารีพงศ์” เร่งสร้างความมั่นคงพลังงาน

Posts related