shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

บ้านเมินติดโซลารูฟทอป

กลุ่มบ้านเมินติดโซลารูฟทอป ยอดหนืดแค่ 3 เมกกะวัตต์ ห่างเป้าที่ 100 เมกะวัตต์ เร่งจูงใจดึงแบงก์ปล่อยกู้
นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เปิดเผยว่า การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) และการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ได้สรุปผลการประกาศรายชื่อผู้ยื่นคำขอขายไฟฟ้าจากการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งบนหลังคา (โซลาร์ รูฟทอป) ที่ผ่านการคัดเลือก มีผู้ผ่านการคัดเลือกในวันที่ 14 ต.ค. มี 564 ราย รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 83,013.875 กิโลวัตต์ หรือ 83 เมกะวัตต์ แบ่งเป็น กลุ่มบ้านที่อยู่อาศัย 385 ราย  กำลังการติดตั้ง  3,026 กิโลวัตต์ หรือ 3.03 เมกะวัตต์ และกลุ่มอาคารธุรกิจโรงงาน  179 ราย กำลังการผลิต 79,987 กิโลวัตต์ หรือ 79.98 เมกะวัตต์
ทั้งนี้จากยอดขายซื้อไฟฟ้ากลุ่มที่อยู่อาศัย ยังมีปริมาณน้อย จึงได้ขยายเวลาการยื่นคำขอจากวันที่ 14 ต.ค. ไปถึง 15 พ.ย. นั้น ขณะนี้เริ่มมีกลุ่มที่อยู่อาศัย ยื่นขอคำขายไฟฟ้า ฯ เพิ่มขึ้น และเร็วๆนี้ กลุ่มอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) และสถาบันการเงิน จะร่วมกันจัดงานเสวนาให้ความรู้และความเข้าใจกับประชาชนที่ต้องการเข้าร่วมโครงการ พร้อมนำสถาบันการเงินที่มีโครงการส่งเสริมและสนับสนุนการให้สินเชื่อภายในงานด้วย คาดว่า การขยายระยะเวลาการยื่นแบบคำขอขายไฟฟ้าครั้งนี้ จะทำให้ยอดการยื่นแบบคำขอในกลุ่มบ้านอยู่อาศัย เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้จำนวน 100 เมกะวัตต์ “  แยกยอดซื้อขายไฟฟ้าทั้ง กฟน. และกฟภ. แบ่งเป็น กฟน. 273 ราย เป็นกลุ่มบ้านอยู่อาศัย 160 ราย รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 1,087.425 กิโลวัตต์ หรือ 1.87 เมกะวัตต์ และกลุ่มอาคารธุรกิจโรงงาน113 ราย รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 39,340.46 กิโลวัตต์ หรือ 39 เมกกะวัตต์  ส่วนกฟภ. มีผู้ผ่านการคัดเลือก 291 ราย แบ่งเป็นกลุ่มบ้านอยู่อาศัย 225 ราย รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 1,939.062กิโลวัตต์ หรือ 1.9 เมกะวัตต์ และกลุ่มอาคารธุรกิจ โรงงาน 66 ราย รวมกำลังการผลิตติดตั้ง 43,673.415 กิโลวัตต์ หรือ 43.37 เมกกะวัตต์”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : บ้านเมินติดโซลารูฟทอป

Posts related

 














นิคมฯอมตะเร่งระบายน้ำหลังยังเอ่อท่วม50ซม.

นิคมฯอมตะ น้ำยังไม่ลด “ประเสริฐ” ลงพื้นที่ตรวจน้ำในนิคมฯ พร้อมประสานขอเรือเร่งระบายน้ำออกเร็วที่สุด ด้านอมตะ ระดมเจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด พร้อมเตรียมแผนป้องกันระยะยาวเสริมคันดินเพิ่มเป็น 1 เมตร ยันโรงงานยังคงเดินหน้าผลิตได้
นายประเสริฐ บุญชัยสุข รมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยว่า วันที่ 20ต.ค. ได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจสถานการณ์น้ำในนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร และประชุมกับ จังหวัดชลบุรี การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(กนอ.) บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง การดำเนินการแก้ไขสถานการณ์อย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะในแผนการผลักดันน้ำออกจากพื้นที่นิคมและพื้นที่โดยรอบให้เร็วที่สุดเพื่อให้สถานการณ์กลับมาสู่ภาวะปกติ
   รวมทั้งเตรียมแผนฟื้นฟูหลังน้ำลด เนื่องจากนิคมเป็นพื้นที่เศรษฐกิจที่สำคัญ มีมูลค่าการลงทุนมหาศาล ดังนั้นจึงต้องเร่งดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้โรงงานอุตสาหกรรมได้รับผลกระทบ ทั้งในด้านกระบวนการผลิต และความเชื่อมั่นจากนักลงทุน พร้อมกับการหาแนวทางประสานความร่วมมือเพื่อสร้างความเข้าใจให้กับชุมชนควบคู่กันไปด้วย
  “ขอให้อมตะร่วมกับจังหวัดชลบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งหาทางลัดเพื่อให้น้ำไหลลงสู่คลองพานทองโดยเร็วที่สุด และกำหนดแผนระยะยาว โดยดำเนินการปรับปรุงทางไหลของน้ำให้สามารถไหลได้สะดวกมากยิ่งขึ้น ควรมีการเสริมคันดินอีก 1  เมตร เพื่อป้องกันน้ำเข้าสู่ตัวนิคมฯมากขึ้น เนื่องจากปัจจุบันปริมาณน้ำที่ขังอยู่ในนิคมฯ สูงสุดวัดได้ประมาณ 40-50 เซนติเมตร” นายประเสริฐกล่าว
  นายคมสัน เอกชัย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี กล่าวว่า สาเหตุที่ปริมาณน้ำในพื้นที่ผิวการจราจรและไหล่ทางเฟส 7 ของนิคมบางจุดยังมีระดับความสูงอยู่ที่ 30-45 ซม. เนื่องจากอยู่ในช่วงน้ำทะเลหนุนส่งผลให้การระบายน้ำจากคลองขุนวิเศษลงสู่คลองพานทอง เพื่อลงแม่น้ำบางปะกงเป็นไปได้อย่างล่าช้า แต่ได้เร่งดำเนินการผลักดันน้ำให้อย่างเต็มประสิทธิภาพ โดยการประสานขอความช่วยเหลือจากทหารเรือ เพื่อขอเรือผลักดันน้ำเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่ 28 ลำ และล่าสุดในวันที่ 20 ต.ค. ทหารเรือได้จัดส่งเรือผลักดันน้ำเพิ่มมาอีก 12 ลำ และจะส่งมาในวันพรุ่งนี้อีก10 ลำ เพื่อติดตั้งตามจุดต่างๆ ทั้งภายในและภายนอกนิคมฯ
  นายวิบูลย์ กรมดิษฐ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่การตลาด บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด(มหาชน) กล่าวว่า ขณะนี้ อมตะได้เร่งประสานงานร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด โดยสถานการณ์น้ำในพื้นที่นิคมฯอมตะนครวันนี้ในพื้นที่เฟส 7 ยังคงมีน้ำขังบริเวณผิวการจราจรและไหล่ทางอยู่เป็นบางจุด ความสูงอยู่ที่ 30 -45 ซม. และยืนยันว่าโรงงานอุตสาหกรรมในนิคมฯ ยังคงเดินหน้ากระบวนการผลิตอย่างต่อเนื่อง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : นิคมฯอมตะเร่งระบายน้ำหลังยังเอ่อท่วม50ซม.

รัฐมนตรีอาเซียนโรดโชว์จีน

“นิว้ฒน์ธำรง” เตรียมเดินทางไปจีนร่วมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนโรดโชว์ เฉลิมฉลองความสัมพันธ์ครบรอบ 10 ปีอาเซี่ยน-จีน
  นายนิวัฒน์ธำรง บุญทรงไพศาล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 21-26 ต.ค. 56  ตนร่วมกับประเทศสมาชิกอาเซียนอีก 9 ประเทศ เดินทางไปร่วมงานรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนโรดโชว์ ที่ฮ่องกงและจีน โดยจะเดินทางไปยังฮ่องกง นครเฉิงตู มหานครเซี่ยงไฮ้ และกรุงปักกิ่ง ซึ่งเป็นกิจกรรมที่รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจะเดินสายทำความรู้จักกับประเทศ คู่ค้า เพื่อแสดงศักยภาพของอาเซียนที่กำลังจะเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)  และสร้างเครือข่ายทำความรู้จักกับภาครัฐและเอกชนของทั้งสองฝ่าย เพื่อเพิ่มโอกาสในการทำการค้า การลงทุนระหว่างกัน  สำหรับการเดินทางไปในครั้งนี้ เป็นโอกาสดีที่จะฉลองครบรอบ 10 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน-จีน และเป็นโอกาสของไทยที่เป็นประเทศผู้ประสานงานของความตกลงการค้าเสรีอาเซียน-จีน จะได้แสดงบทบาทนำ โดยจะมีการหารือถึงประเด็นที่กำลังอยู่ในความสนใจของฮ่องกงและจีน คือ การจัดทำข้อตกลงการค้าเสรีอาเซียน-ฮ่องกง ที่ไทยได้รับมอบหมายให้เป็นประเทศผู้ประสานงานของอาเซียน รวมถึงประเด็นเรื่องการยกระดับกรอบความตกลงเขตการค้าเสรีอาเซียน-จีน ให้ทันสมัยและสอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบัน  “รัฐมนตรีเศรษฐกิจของอาเซียนจะเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่น การสัมมนาส่งเสริมการค้าและการลงทุนระหว่างอาเซียนกับฮ่องกงและจีน การดูงานและพบปะกับผู้บริหารของมณฑลและผู้บริหารของภาคเอกชนสำคัญในเมืองต่างๆ เป็นต้น”  นายนิวัฒน์ธำรงกล่าวว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องและรวดเร็ว โดยในปัจจุบันจีนเป็นประเทศที่มีเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก และมีสถาบันทางการเงินระดับโลกหลายแห่ง คาดการณ์ว่าจีนจะก้าวมาเป็นมหาอำนาจอันดับ 1 ของโลกภายในปีนี้   สำหรับจุดแข็งของจีน คือ การเมืองที่มั่นคง เป็นตลาดขนาดใหญ่ มีแรงงานกำลังผลิตมหาศาล และมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ในขณะที่ฮ่องกงมีระบบเศรษฐกิจเสรีทั้งการค้าและบริการ เป็นศูนย์กลางการเงิน การขนส่ง โลจิสติกส์ และเป็นประตูการค้าที่สำคัญของประเทศจีน   “ เป็นโอกาสดีของไทยที่ได้ร่วมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนจัดทำโครงการ   รัฐมนตรีเศรษฐกิจอาเซียนโรดโชว์ ที่ฮ่องกงและจีน   ในครั้งนี้   โดยไทยจะใช้โอกาสหารือกับจีนและฮ่องกงในการขยายความร่วมมือทางด้านการค้า การลงทุน รวมทั้งการเพิ่มความร่วมมือในด้านต่างๆ ”  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รัฐมนตรีอาเซียนโรดโชว์จีน

Page 1516 of 1552:« First« 1513 1514 1515 1516 1517 1518 1519 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file