shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

จัดการระบบทุนนิยมใหม่ในสหรัฐอเมริกา (9) – โลกาภิวัตน์

ได้มีข้อเสนอจากศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดเพื่อจัดการระเบียบ ระบบการเงินและการลงทุนของสหรัฐอเมริกาใหม่โดยมีข้อเสนอ 4 แนวทางในวารสารฮาร์วาร์ดบิสซิเนสรีวิว โดย ดร.คริสเตียนเซ่น และกลุ่มศิษย์เก่าของฮาร์วาร์ด ซึ่งส่วนใหญ่เป็นซีอีโอและนักลงทุนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ข้อเสนอ 4 แนวทางของ ดร.คริสเตียนเซ่น คือ หนึ่ง จะต้องจัดให้มีเป้าประสงค์ของการจัดการกองทุนและการลงทุนใหม่ สองจะต้องสร้างความสมดุลทางธุรกิจใหม่ สามจะต้องปรับทิศทางและแนวทางเชิงยุทธศาสตร์ของการจัดสรรทรัพยากรใหม่ และสี่ให้ความเป็นอิสระในการจัดการองค์กร ทั้ง 4 แนวทางนับว่าท้าทายมากต่อยุคทุนนิยมของอเมริกาในปัจจุบัน ซึ่งระบบทุนนิยมอเมริกันตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมามีการแข่งขันเพื่อสะสมเงินลงทุนโดยหวังกำไรระยะสั้นเป็นส่วนใหญ่และคนมักจะบูชาเงินและความร่ำรวยให้เป็นสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรม และในหลายครั้งคิดว่าเงินคือพระเจ้า ผู้เขียนยังคิดว่า 4 แนวทางนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่ดี การปรับเปลี่ยนทัศนคติของนักธุรกิจและนักลงทุนทั้งหลาย ยิ่งเป็นเรื่องยากทีเดียวและต้องได้รับการสนับสนุนอย่างถูกต้องจากภาครัฐโดยเฉพาะรัฐบาลด้วย เรามาดูแนวทางแรกก่อน จะต้องมีเป้าประสงค์ของการจัดการกองทุนและการลงทุนใหม่ ซึ่งปัจจุบันกองทุนในสหรัฐอเมริกาถือว่าอยู่ในอาการป่วย เราต้องการนโยบายในการจัดกองทุนใหม่เพื่อให้เงินลงทุนไหลสะพัดอันจะก่อให้เกิดเศรษฐกิจที่มุ่งเสริมสร้างนวัตกรรมที่ก่อผลดีทางเศรษฐกิจ คือเกิดการจ้างงานเป็นจำนวนมาก เกิดธุรกิจลูกโซ่ตามมาอีกจำนวนมาก กองทุนในสหรัฐอเมริกาปัจจุบัน ดร.คริสเตียนเซ่นได้ให้คำจำกัดความไว้สามลักษณะ ลักษณะแรกคือ กองทุนที่มีการโยกย้ายตลอดเวลา กองทุนเหล่านี้ไม่มีที่อยู่แน่นอน เมื่อลงทุน ณ ที่ใดก็มักจะอยู่ได้ไม่นานและรีบถอนออกเร็วที่สุด พร้อมด้วยเงินกำไรที่เป็นก้อนเงินลงทุนมากกว่าเดิม ถ้าเริ่มขาดทุนก็จะยิ่งรีบถอนออกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่จะอยู่ได้ในช่วงที่มันได้กำไรสูงสุดระยะสั้น ลักษณะที่สองคือ ประเภทกองทุนขี้ขลาด คือรังเกียจความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ กองทุนประเภทนี้เมื่อพิจารณาในบัญชีงบดุล (Balance Sheet) ถ้าหากลงทุนแล้วไม่ได้กำไรสู้ไม่ต้องลงทุนเลยดีกว่า ไม่ได้กำไรคือ ความเสี่ยง อะไรที่เกิดความเสี่ยงมักจะแช่ทิ้งไว้เพื่อให้เงินก้อนใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ จึงขาดนวัตกรรม ลักษณะสุดท้ายคือ กองทุนบรรษัทซึ่งก็คือ เมื่อก้อนเงินลงทุนเข้าสู่บริษัทแล้ว เงินกองทุนก็จะอยู่ตรงนั้นใช้กับบริษัทนั้นไม่หนีไปไหน เงินกองทุนเหล่านี้ยิ่งแก้ปัญหาให้มัน มันจะยิ่งหนีไปสู่กองทุนของบรรษัทต่าง ๆ ที่มีผลประกอบการที่มีกำไรให้เห็น เพราะฉะนั้นกองทุนบรรษัทจึงเป็นศูนย์รวมของทั้งกองทุนอพยพย้ายที่เพื่อหากำไรและเหล่ากองทุนขี้ขลาดเพราะไม่มีความเสี่ยง แต่จะมีผลประโยชน์และกำไรงอกเงยขึ้นเหมือนคนอ้วนที่กำลังจะป่วย การจะสร้างเป้าประสงค์เพื่อให้คนอ้วนที่กำลังจะป่วยหรือกองทุนที่สะสมในปัจจุบัน มีการลงทุนด้านนวัตกรรมขนาดใหญ่ให้เกิดการเสริมสร้างเศรษฐกิจมักจะมีความเสี่ยงนั้นจะทำอย่างไร หลังจากสัมมนาของกลุ่มศิษย์เก่าฮาร์วาร์ด ก็ได้มีข้อเสนอว่าน่าจะใช้วิธีการทางภาษีที่เรียกว่าภาษีโทบิน (Tobin Tax) ซึ่งจะทำให้กองทุนไหลและอพยพช้าลง ด้วยการเก็บภาษีโดยเฉพาะภาษีอากรสำหรับการทำธุรกรรมทางการเงิน ซึ่งรวมทั้งตลาดแลกเปลี่ยนเงินตรา ซึ่งก็เหมือนกับเททรายใส่ลูกล้อเพื่อให้เงินทุนไหลช้าลง และทำให้เกิดสภาพคล่องชะลอตัวในเชิงวิชาการอาจจะดูดีเป็นไปได้ แต่ก็มีอีกจำนวนมากคิดว่าประสิทธิภาพกองทุนจะมีมากกว่า ถ้าหากมีการปรับเป้าประสงค์ของการใช้กองทุนเพื่อการลงทุนให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ถือหุ้นระยะยาวจะดีกว่า ซึ่งหมายถึงว่าบริษัทจะต้องให้รางวัลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนระยะยาวในแง่ความภักดีต่อองค์กรอย่างไร ซึ่งมีหลายวิธีโดยที่ทำให้ผู้ถือหุ้นทั้งหลายมองการพัฒนาตลาดเศรษฐกิจในระยะยาว เช่นการสร้างทรัพยากรมนุษย์ด้านการศึกษาก็เป็นอีกตัวอย่างหนึ่ง ผู้เขียนขอเรียนว่าบทความนี้ไม่ใช่ทุนนิยมไทย เพียงแต่อยากให้ท่านผู้อ่านทราบถึงพฤติกรรมทุนนิยมอเมริกา แนวทางทางออกของไทยจึงไม่จำเป็นต้องเหมือนกับที่เขียน. รศ.ดร.บุญมาก ศิริเนาวกุล อธิการบดีมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด boonmark@stamford.edu

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จัดการระบบทุนนิยมใหม่ในสหรัฐอเมริกา (9) – โลกาภิวัตน์

Posts related

 














หัวเว่ยหนุนพัฒนาบุคลากรด้านโทรคมนาคม

หัวเว่ยจับมือวิศวะลาดกระบัง พัฒนาทักษะวิชาชีพให้กับนักศึกษา เร่งพัฒนาบุคลากรด้านโทรคมนาคมรองรับตลาดที่กำลังเติบโต นายเฉิน รุ่ย กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ผู้นำด้านโซลูชั่นเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่าภายใต้โครงการ “บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออนาคต”ซึ่งเป็นกิจกรรมของหัวเว่ยทั่วโลก ล่าสุดหัวเว่ยประเทศไทยได้ร่วมมือกับสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง (สจล.) จัดโครงการแลกเปลี่ยนความรู้ด้านเทคโนโลยีและวิชาการต่าง ๆ รวมถึงการสนับสนุนพัฒนาการทำงานในสายอาชีพ ให้กับนักศึกษา สาขาวิชาเทคโนโลยีสารสนเทศ รวมถึงสาขาอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องของคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. เป็นระยะเวลา 2 ปี  ภายใต้ข้อตกลงดังกล่าว จะมีการร่วมมือในหลาย ๆ ด้าน อาทิ การพัฒนาทักษะวิชาชีพให้กับนักศึกษา การจัดทำโครงการฝึกอบรมวิชาชีพภาคฤดูร้อนให้แก่นักศึกษา และบุคลากร รวมถึงการนำผู้เชี่ยวชาญจากหัวเว่ยมาบรรยายให้ความรู้ในฐานะอาจารย์พิเศษ ในขณะเดียวกันก็มอบโอกาสให้กับนักศึกษาที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยมได้เข้าฝึกงานหรือบรรจุเข้าทำงานในหัวเว่ยอีกด้วย  ด้าน ผศ.ดร. คมสัน มาลีสี คณบดีคณะวิศวกรรมศาสตร์ สจล. กล่าวว่า ปัจจุบันบุคลากรที่เชี่ยวชาญด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม กำลังเป็นที่ต้องการของตลาด ซึ่งสจล.ถือเป็นแหล่งผลิตวิศวกรด้านนี้มากที่สุด โดยผลิตได้ประมาณ 100 คนต่อปี ซึ่งส่วนใหญ่จะได้งานก่อนจบ ความร่วมมือกับหัวเว่ยในครั้งนี้จะเกิดประโยชน์ทั้งทางด้านการเข้าถึงเทคโนโลยีระดับโลก ได้รับความรู้โดยตรงจากผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพในอุตสาหกรรม รวมถึงได้รับโอกาสเข้าไปฝึกงานที่หัวเว่ยทำให้นักศึกษาได้เรียนรู้จากการทำงานจริงในองค์กรชั้นนำของโลก  อย่างไรก็ดีหัวเว่ย มีแผนความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาชั้นนำของไทยอย่างต่อเนื่อง ซึ่งภายใน 5 ปีข้างหน้า มีแผนที่จะขยายโครงการ “บ่มเพาะเมล็ดพันธุ์ด้านเทคโนโลยีสารสนเทศเพื่ออนาคต” ไปยังสถาบันการศึกษากว่า 20 แห่ง โดยตั้งเป้ามีนักศึกษาเข้าร่วมโครงการกว่า 3,000 คน รวมถึงโครงการให้ทุนการศึกษาแก่นักศึกษากว่า 300 คน.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : หัวเว่ยหนุนพัฒนาบุคลากรด้านโทรคมนาคม

“ออปโป้”ทำฮือฮาเปิดสมาร์ทโฟนใหม่รุ่น N3 กล้องหมุนเองได้เครื่องแรกของโลก

วันนี้(29 ต.ค.) ที่ มาริน่า เบย์ แซน คอนเวชั่นเซ็นเตอร์ ประเทศสิงคโปร์ ออปโป้ ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก ได้จัดงานเปิดตัวและแนะนำสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ล่าสุด 2 รุ่น คือ ออปโป้ เอ็น 3 (N3) และ ออปโป้ อาร์ 5 (R5) โดยมีแขกผู้มีเกียรติเข้าร่วมกว่า 1,300 คน จากหลากหลายประเทศ ที่เป็นผู้จัดจำหน่ายสมาร์ทโฟน ของออปโป้ และสื่อมวลชนจาก 15 ประเทศ ได้แก่ ไทย,ออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, อียิปต์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, มาเลเซีย, เม็กซิโก, พม่า, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, อาหรับเอมิเรสต์, เวียดนาม และจีน ในคอนเซ็ปท์ "Designed for Life" เพื่อยืนยันความมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อชีวิตที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น และสร้างประสบการณ์ดีๆ ผ่านดีไซน์และเทคโนโลยีชั้นนำมร.สกาย ลี ผู้จัดการทั่วไปของ ออปโป้ ต่างประเทศ กล่าวว่า ออปโป้ สามารถประสบความสำเร็จในประเทศจีน จึงได้เริ่มขยายนำผลิตภัณฑ์ออกสู่ตลาดต่างประเทศ ซึ่งก็สามารถประสบความสำเร็จมียอดขายอันดับ 4 ในประเทศเวียดนามด้วยส่วนแบ่งการตลาด 9 % และยังมีส่วนแบ่งการตลาดเป็นอันดับ 5 ในประเทศไทย และเติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศอินโดนีเซียหลังจากเปิดตัวไปเมื่อพฤษภาคม 2013 ปัจจุบันนี้ มีส่วนแบ่งทางการตลาด 6.5% หรืออยู่ที่อันดับ 4 ในอินโดนีเซีย จึงได้พัฒนาสมาร์ทโฟนที่มีนวัตกรรมใหม่ออกสู่ตลาด โดยโทรศัพท์รุ่นล่าสุด N3 มาพร้อมกล้องเลนส์หมุนอัตโนมัติครั้งแรกในโลก และรุ่น R5 สมาร์ทโฟนที่บางที่สุดในโลก เปิดตัวสู่สาธารณชนเป็นครั้งแรกที่ประเทศสิงคโปร์โดย N3 มีคุณสมบัติกล้องที่สามารถหมุนอัตโนมัติได้ 206 องศาและสามารถถ่ายภาพได้หลากหลายด้วยฟังก์ชั่น free-stop และมุมที่หลากหลาย แตกต่างจากการถ่ายภาพด้วยสมาร์ทโฟนรุ่นอื่นๆนอกจากนี้ยังสามารถถ่ายภาพแบบพาโนรามา อย่างทิวทัศน์เมืองเพียงคลิกครั้งเดียวก็สามารถถ่ายภาพคมชัดได้ง่ายๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้งหรือแนวนอน โดยให้ภาพมีความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล เลนส์ที่ออกแบบโดยร่วมมือกับ Schneider Electric ด้วยความละเอียดถึง 16 ล้านพิกเซล สามารถถ่ายภาพได้คมชัดสูงสุดถึง 64 ล้านพิกเซล สามารถควบคุมการหมุนของเลนส์ได้ถึง 3 วิธี ด้วย O-Click การสั่งด้วยมือหรือ Gesture และการสัมผัสหรือ Touch Access อีกทั้งเทคโนโลยีล้ำสมัยของ Pure Image หรือ PI2.0 plus ก่อนที่จะกดชัตเตอร์ ระบบนี้จะช่วยปรับแสง โฟกัส และการจับใบหน้าโดยอัตโนมัติ มอบประสบการณ์การถ่ายภาพที่ไม่แพ้กล้อง DLSR มืออาชีพ ทั้งนี้ N3 ใช้ ซีพียู Qualcomm Snapdragon 801 Quad-core CPU 32GB ROM และ 2GB RAM หน้าจอขนาด 5.5 นิ้ว ทำจาก Corning Gorilla Glass 3 เพื่อความคมชัดและทนทานสูงสุด อีกทั้งระบบชาร์จแบตเตอรี่เป็นแบบ VOOC ชาร์จเพียง 30 นาทีก็สามารถบรรจุพลังงานได้ถึง 75% และชาร์จเพียง 5 นาทีก็เพียงพอสำหรับการโทรศัพท์ถึง 2 ชั่วโมงขณะที่ รุ่น R5 ซึ่งเป็นโทรศัพท์ที่บางที่สุดในโลกด้วยความหนาเพียง 4.85 มิลลิเมตร พร้อมหน้าจอคมชัดแบบฟูลเอชดี ซีพียู Octa-core Qualcomm MSM8939 หน้าจอ AMOLED กว้าง 5.2 นิ้วเพื่อสีและแสงที่คมชัดสูงสุด และยังมีระบบควบคุมอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอเพื่อรักษาประสิทธภาพในการทำงาน ด้วยระบบ Cool Element เพื่อระบายความร้อน ปกป้องตัวเครื่องและยืดอายุการใช้งานของโทรศัพท์ให้นานขึ้น โดยออปโป้ รุ่น N 3 ราคาเริ่มต้นที่ 649 ดอลลาห์สหรัฐฯ ส่วนรุ่นR 5 ราคาเริ่มต้นที่ 499 ดอลลาห์สหรัฐฯ มีแผนวางจำหน่ายในประเทศออสเตรเลีย, บังกลาเทศ, อียิปต์, อินเดีย, อินโดนีเซีย, อิหร่าน, มาเลเซีย, พม่า, ปากีสถาน, ฟิลิปปินส์, สิงคโปร์, ไต้หวัน, ไทย, อาหรับเอมิเรสต์, เวียดนาม และจีน ส่วนในไทยคาดว่าจะเป็นช่วงเดือน ธ.ค.โดยจะนำรุ่น R5 เข้ามาจำหน่ายก่อน.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ออปโป้”ทำฮือฮาเปิดสมาร์ทโฟนใหม่รุ่น N3 กล้องหมุนเองได้เครื่องแรกของโลก

Page 9 of 805:« First« 6 7 8 9 10 11 12 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file