shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

จี้ส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบเหลื่อมปี

นายมนัส แจ่มเวลา อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า กรมบัญชีกลางได้ สั่งทุกส่วนราชการให้เร่งเบิกจ่ายงบเหลื่อมปีซึ่งมีวงเงินรวมกว่า 350,000 ล้านบาท ภายในไตรมาสแรก ปีงบประมาณ 58 หรือ ภายในสิ้นเดือน ธ.ค.57 แยกเป็นงบเหลื่อมปีที่ทำเรื่องขอไว้ตั้งแต่ปี 48-56 วงเงิน 80,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบที่มีการก่อหนี้ผูกผัน 50,000 ล้านบาท และงบที่ไม่มีการก่อหนี้ผูกผันอีก 30,000 ล้านบาท ขณะที่งบเหลื่อมปีของปีงบประมาณ 57 ที่ทำเรื่องขอกันงบไว้มี 270,000 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมากรมบัญชีกลางได้ตรวจสอบและตั้งเรื่องอนุมัติเพื่อทยอยเบิกจ่าย แล้ว 80,000 ล้านบาททั้งนี้ คาดว่าหลังสิ้นเดือน ต.ค.57 กรมบัญชีกลาง จะทำข้อมูลการเบิกจ่ายของส่วนราชการ 3 หน่วยงาน ที่ตั้งงบเบิกจ่ายเงินล่าช้า และเสนอให้ รมว.คลัง ทราบและรายงานในที่ประชุม ครม.ต่อไป เพื่อให้รัฐมนตรีเจ้ากระทรวงได้สั่งการไปยังส่วนราชการในสังกัดให้เร่งรัด การเบิกจ่ายโดยเร็ว โดยยังจะไม่มีมาตรการหรือบทลงโทษหน่วยงานที่เบิกจ่ายล่าช้า เพราะถือเป็นครั้งแรกที่สั่งให้จัดอันดับ 3 หน่วยงานเบิกจ่ายล่าช้ารายงานเข้า ครม."ส่วนราชการที่ยังไม่ได้ก่อหนี้ผูกผัน 30,000 ล้านบาท จากนี้จะต้องเร่งทำรายการเพิ่อขอเบิกจ่ายเข้ามา หรือกรณีที่ขอเปลี่ยนแปลงโครงการ ต้องมีเหตุผลถ้าเห็นสมควรก็เบิกจ่ายได้ แต่ถ้าไม่มีชี้แจงก็สั่งพับวงเงินได้ ก็นำเงินไปใช้จ่ายในโครงการอื่น ที่มีผลต่อการกระตุ้นเศรษฐกิจได้"สำหรับการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณของปี 58 ซึ่งไตรมาสแรกนี้ จะเน้นเรื่องการเบิกจ่ายงบประจำ โครงการลงทุนที่มีงบผูกผัน เพราะเบิกจ่ายได้ทันที ส่วนงบลงทุน เร่งรัดการก่อหนี้ให้ได้ภายในวันที่ 25 ธ.ค.57 รวมทั้งให้เร่งรัดงบฝึกอบรม ประชุมสัมมนาในประเทศ ไม่น้อยกว่า 50% ของวงเงินงบประมาณภายในไตรมาสแรก ของปีงบประมาณ 58 โดยกรมบัญชีกลาง ได้ออกมาตรการเพิ่มความคล่องตัวในการปฏิบัติตามระเบียบ อี-อ๊อกชั่น ปี 49 โดยลดขั้นตอนในระหว่างที่พิจารณาอุทธรณ์ให้หน่วยงานดำเนินการต่อไปได้ ไม่ต้องระงับการดำเนินงานได้ ซึ่งคงเหลือเวลาดำเนินการเพียง 42 วันจาก 85 วัน คาดว่าจะทำให้หน่วยงานเบิกจ่ายได้เร็วขึ้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จี้ส่วนราชการเร่งเบิกจ่ายงบเหลื่อมปี

Posts related

 














เวิล์ดแบงก์หั่นจีดีพีไม่กระทบสินเชื่อ

นายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยถึงกรณีที่ธนาคารโลก (เวิดล์แบงก์) ลดจีดีพีไทยปีนี้เหลือ 1.5% จากเดิม 3% และปี 58 จาก 4.5% เหลือ 3.5% ว่า ไม่กระทบการขยายตัวของสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากภาครัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งระยะสั้น กลาง และยาว จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน และการใช้จ่ายในประเทศขยายตัวได้ดีขึ้น สำหรับห้างสรรพสินค้า และธุรกิจบัตรเครดิตได้ร่วมกันออกแคมเปญกระตุ้นยอดใช้จ่ายในช่วงโค้งสุดท้ายของปีนี้นั้น จะช่วยกระตุ้นยอดใช้จ่ายได้ในระดับหนึ่ง แต่เชื่อว่าการออกมาตรการต่าง ๆ ของรัฐจะช่วยให้การใช้จ่ายปีหน้าขยายตัวเพิ่มขึ้น"แม้ว่าจีดีพีปีหน้า ที่เวิดล์แบงก์คาดว่าเราจะโต 3.5% ซึ่งต่ำสุดในภูมิภาค คงไม่กระทบการขยายตัวของสินเชื่อมากนัก เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจ ยังเติบโตได้ดีเป็นผลมาจากมาตรการภาครัฐก็ยังมีเรื่อย ๆ และผมไม่คิดว่าการที่เศรษฐกิจไทยโตต่ำแล้ว จะทำให้การใช้สินเชื่อลดลงจนน่าห่วง ซึ่งเป้าหมายสินเชื่อปีนี้น่าจะโตที่ 3-5% ส่วนปีหน้ายังอยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็ว ๆ นี้”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เวิล์ดแบงก์หั่นจีดีพีไม่กระทบสินเชื่อ

เปิดกลยุทธ์แก้ท่องเที่ยว ดันแผนรับมือช่วงไฮซีซั่น

ตั้งแต่วิกฤติการณ์ทางการเมือง เมื่อปีที่ผ่านมา จวบจนถึงปัจจุบัน ที่บ้านเมืองกำลังเข้าสู่ยุคแห่งความสงบ มีรัฐบาลที่พร้อมเดินหน้าปฏิรูปประเทศทั้งด้านปกครองและด้านเศรษฐกิจ ถือว่าเป็น “งานหนัก งานเหนื่อย” ที่รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องเดินหน้าฝ่าฟันไปให้ได้และยังเป็นการหลีกหนีคำว่า “เสียของ” โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของประเทศต้องยอมรับว่าเวลานี้การจะพึ่ง พาแต่รายได้จากการส่งออก เพื่อนำมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจ คงทำได้ไม่มากนัก เพราะเวลานี้สถานการณ์การส่งออกของไทยตกอยู่ในอาการ “โคม่า” เพราะเศรษฐกิจโลกยังไม่ฟื้นตัวชัดเจนและฟื้นตัวไม่ทั่วถึงดังนั้นหากจะมองหาวีรบุรุษขี่ม้าขาว นำทัพขนเงินมาช่วยพยุงเศรษฐกิจของประเทศในขณะนี้ ภาคการท่องเที่ยวก็ควรจะถูกจัดอยู่ในอันดับต้น ๆ เพราะถือว่าเป็นอุตสาหกรรมที่แทบไม่ต้องลงทุน แต่เห็นผลกำไรได้อย่างงดงาม เพราะจากนี้ไปถือว่ากำลังเข้าสู่ฤดูกาลท่องเที่ยวที่คาดกันว่าจะทำรายได้เข้าประเทศเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจได้อีกทางแต่… เส้นทางบนถนนไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป เพราะก่อนเข้าสู่ไฮซีซั่น กลับมีการก่ออาชญากรรมร้ายแรงเกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวชาวอังกฤษ ที่เกาะเต่า จังหวัดสุราษฎร์ธานี และกลายเป็นข่าวดังเผยแพร่ไปทั่วโลก จากนั้นไม่นานก็เกิดเหตุกับนักท่องเที่ยวยุโรปอีกครั้งที่พัทยา จนสร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์การท่องเที่ยวของไทย จนกลายเป็นว่าแทนที่จะหามาตรการมากระตุ้นตลาด กลับทำให้แม่งานหลัก “กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา” ต้องเร่งสร้างภาพลักษณ์ เร่งฟื้นความเชื่อมั่น ให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมั่นใจว่าไทยปลอดภัยและยินดีต้อนรับนักท่องเที่ยวเสมอแทนวินาที…นี้ หากจะเรียกว่า ผีซ้ำด้ำพลอย คงไม่ผิดแปลกแต่อย่างใด ขณะที่ รมว.การท่องเที่ยวฯ อย่าง “กอบกาญจน์ วัฒนวราง กูร” ต้องเข้ามารับ “ศึกหนัก” และยังเป็นการท้าทายความสามารถของรมต.หน้าใหม่ ที่ต้องกอบกู้ชื่อเสียง กอบกู้ภาพลักษณ์ของประเทศกลับคืน ขณะเดียวกันยังต้องเร่งเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยวให้ได้ เพราะในแต่ละปีการท่องเที่ยวสามารถทำรายได้เข้าประเทศเกือบ 10% ของจีดีพีของประเทศ ที่สำคัญไทยยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ซึ่งส่งผลต่อการตัดสินใจของนักท่องเที่ยวต่างชาติในการเดินทางมาเที่ยวในไทยแม้มาตรการเฉพาะหน้าในนาทีนี้ จะหนีไม่พ้นเรื่องของการชี้แจงให้นานาประเทศ รับรู้มาตรการด้านความปลอดภัยของไทย ที่หลังจากต้องเข้มงวด และล้างระบบที่ไม่ดี พร้อมจัดระเบียบ ระบบใหม่ให้ดีขึ้น ทั้งการเตรียมสร้างศูนย์การท่องเที่ยวบนเกาะเต่าพร้อมนำตำรวจท่องเที่ยวมาประจำการ รวมถึงการเพิ่มอาสาสมัครชุมชน ซึ่งได้มาจากการอบรมคนในพื้นที่เพื่อช่วยสอดส่องความปลอดภัยนักท่องเที่ยว รวมทั้งยังมีแนวคิดจัดทำสายรัดข้อมือหรือริสแบนด์เพื่อบ่งบอกสัญลักษณ์ของนักท่องเที่ยวแต่ในระยะยาว…แล้วจำเป็นอย่าง ยิ่งที่ต้องปรับภาพลักษณ์ของเกาะเต่า ให้เป็นแหล่งที่เน้นการท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากกว่าเป็นท่องเที่ยวที่ให้ความบันเทิงเริงรมย์เท่านั้น รวมไปถึงแหล่งท่องเที่ยวอื่น โดยเฉพาะแหล่งท่องเที่ยวดาวรุ่งที่หลายภาคส่วนที่ทางการท่องเที่ยวเร่งผลักดัน ที่จะนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเยือน ก็ต้องเร่งตรวจสอบความพร้อมในทุก ๆ ด้านของตัวเอง ว่าพร้อมที่จะรองรับนักท่องเที่ยวแล้วหรือยังทั้งด้านโครงสร้างพื้นฐานการขนส่ง ระบบรักษาความปลอดภัยหรือไม่หากการวางโมเดลพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวให้มีความพร้อม และขับเคลื่อนมาตรการกระตุ้นทางการตลาดไปด้วยกัน ซึ่งในขณะนี้ฝั่งของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยหรือ ททท. ก็เริ่มโหมทำการตลาดช่วงไฮซีซั่นแล้ว และต่อเนื่องไปถึง 6 เดือน ตั้งแต่ช่วงเดือน ต.ค. 57-มี.ค. 58 ด้วยการปูพรมขายปีท่องเที่ยววิถีไทย ที่เน้นขายตั้งแต่ตลาดยุโรป อเมริกา เอเชีย ตะวันออก กลาง เรื่อยไปถึงอาเซียน ที่คาดว่าตลาดจะคึกคักมาก โดยเฉพาะในช่วงเทศกาลลอยกระทงและส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ปลายปีนี้ ซึ่งเวลานี้นักท่องเที่ยวทั่วโลกได้ทำสถิติการจองเดินทางเข้ามาเที่ยวประเทศไทยล่วงหน้าตลอดฤดูท่องเที่ยว 6 เดือนหน้า เพิ่มขึ้น 10-15% เริ่มตั้งแต่เดือนสิงหาคมเป็นต้นไป ทั้งจากตลาดสหภาพยุโรป อเมริกา เอเชีย ตะวันออกกลาง อาเซียนสุดท้ายนี้ การทำงานร่วมกันในอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว นั้น ไม่ใช่เพียงแค่ทำแคมเปญกระตุ้นตลาดเพื่อเรียกเงินนักท่องเที่ยว เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ทุกภาคส่วนต้องดูความพร้อม รวมไปถึงสิ่งแวดล้อมทางด้านการท่องเที่ยวด้วย ไม่ว่าจะเป็นระบบสาธารณูป โภคด้านการท่องเที่ยว หรือระบบรักษาความปลอดภัย รวมไปถึงเรื่องอื่น ๆ ไม่เช่นนั้นไม่ว่าจะทำอย่างไรก็คงไม่เข้าเป้าหมาย.เอวิกานต์ บัวคง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดกลยุทธ์แก้ท่องเที่ยว ดันแผนรับมือช่วงไฮซีซั่น

Page 103 of 1552:« First« 100 101 102 103 104 105 106 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file