shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวไอที นวัตกรรมใหม่ๆ

วาคอมส่งแท็บเล็ต-ปากกาอัจฉริยะลงตลาดไทย


คุยเป็นสุดยอดปากกาสำหรับงานดีไซน์เนอร์ สำหรับมือสมัครเล่นจนถึงมือถืออาชีพ พร้อมแท็บเล็ตที่รองรับการใช้งานกราฟฟิก นางสาวซิซิลเลีย วูน ผู้จัดการด้านการตลาดอาวุโส ประจำเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเอเชียใต้ บริษัท วาคอม (สิงคโปร์) จำกัด ให้สัมภาษณ์ว่า วาคอมนั้นก่อตั้งมานานกว่า 30 ปี ได้พยายามพัฒนานวัตกรรมใหม่ๆ โดยเฉพาะงานด้านกราฟฟิกดิจิทัล สำหรับใช้งานบนแท็บเล็ต พีซี ฯลฯ ซึ่งที่ผ่านมาธุรกิจของวาคอมแข็งแกร่งมาก นางสาวซิซิลเลีย กล่าวว่า ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งมาก หลายประเทศเข้าถึงอินเทอร์เน็ตความเร็วสูงอย่างรวดเร็ว สำหรับประเทศไทย เป็นตลาดที่น่าสนใจมาก วาคอม พบว่า คนไทยใช้เวลากับสื่อดิจิทัลมากกว่าสื่อแบบดั้งเดิม เช่น หนังสือพิมพ์หรือโทรทัศน์ กลุ่มคนรุ่นใหม่ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ วาคอม ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ เพื่อวางจำหน่ายในประเทศไทย 4 รุ่น คือ แท็บเล็ต รุ่น ซินทิก แท็บเล็ตสำหรับทำงานครีเอทีฟ ระบบปฏิบัติการวินโดวส์ 8 ,แบมบู แพด เป็นทัชแพดตัวแรกที่มาพร้อมปากกาปลายแหลม สามารถเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์พีซีและแล็บทอปได้ ,อินทูอัส โปร และปากกาอัจฉริยะ หรือปากกาสไตลัสอินทูอัส อีก 4 รุ่น ซึ่งรองรับการใช้งานสำหรับผู้ที่ทำงานกราฟฟิกดีไซน์ การ์ตูน ฯลฯ เป็นปากกาที่ไวต่อแรงกด สามารถใช้งานร่วมกับเครื่องคอมพิวเตอร์ทุกแบรนด์ ทุกระบบปฏิบัติการ รวมถึงไอแพด

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : วาคอมส่งแท็บเล็ต-ปากกาอัจฉริยะลงตลาดไทย

Posts related

 














ประเมินความเสี่ยงระหว่างทำงาน ลดปัญหาโรค “ออฟฟิศซินโดรม”


หากพูดถึง “ออฟฟิศซินโดรม” หนุ่มสาวชาวออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานาน คงรับรู้อาการของโรคนี้ดี ที่ทำให้เกิดอาการ ปวด ตึง บริเวณต้นคอ บ่า หัวไหล่ และหากที่มีอาการรุนแรง อาจส่งผลให้หันคอ ก้ม หรือเงยไม่ได้เลยก็มี การหลีกเลี่ยงสาเหตุที่ก่อให้เกิดความเสี่ยงจึงเป็นสิ่งสำคัญของคนวัยทำงานในยุคนี้ นายเชาวลิต สืบแสงอินทร์ นักศึกษา ปริญญาโท สาขาการออกแบบและวางแผน คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี (มจธ.) ก็เป็นคนหนึ่งที่ให้ความสนใจและศึกษาในเรื่องนี้ โดยได้นำความรู้ด้านวิศวกรรมผนวกเข้ากับงานออกแบบจนสามารถพัฒนา “เครื่องประเมินความเสี่ยงในการทำงานของผู้พิการและบุคคลทั่วไปที่ใช้ร่างกายส่วนบน” เป็นหลัก จนประสบความสำเร็จ โดยได้รับทุนวิจัยจากสำนักงานคณะกรรมการวิจัยแห่งชาติ(วช.) นายเชาวลิต กล่าวว่า เครื่องมือใช้ในการประเมินความเสี่ยงของสรีระส่วนบนระหว่างการทำงาน สามารถนำไปใช้กับผู้พิการที่นั่งรถเข็น พนักงานออฟฟิศที่นั่งทำงานกับคอมพิวเตอร์ทั้งวัน และพนักงานโรงงานที่ต้องทำงานซ้ำๆ จนส่งผลให้เกิดอาการเมื่อยล้าที่แขน คอ และไหล่ โดยเครื่องมือดังกล่าวประกอบด้วยกล้องจับเซ็นเซอร์ 2 ตัว ซึ่งใช้พื้นฐานการประเมินร่างกายส่วนบน Rapid Upper Limp Assessment (RULA) เพื่อตรวจสอบโครงสร้าง Skeleton ของร่างกายแบบเรียล ไทม์ ว่ามีการบิดรูปร่างระหว่างนั่งทำงานหรือไม่ ซึ่งเป็นสาเหตุของอาการปวดเมื่อยต่างๆ จากนั้นจะนำข้อมูลมาประเมินค่าความเสี่ยงออกมาเป็นตัวเลข 1-7 เมื่อค่าความเสี่ยงถูกประเมินออกมา วิศวกรหรือนักออกแบบก็มีหน้าที่เข้าไปปรับปรุงสถานที่ทำงาน อาทิ โต๊ะทำงาน ระดับการวางคอมพิวเตอร์ หรือเครื่องมือต่างๆ ให้สอดคล้องกับสรีระของผู้ปฏิบัติงานและเป็นไปตามหลักการยศาสตร์มากที่สุด และส่วนตัวผู้ปฏิบัติงานเองก็จะได้ปรับพฤติกรรมท่าทางในการทำงานให้เหมาะสม เช่น การนั่งหลังตรงและปรับเปลี่ยนอิริยาบทในการทำงานทุกๆ 2 ชั่วโมง เป็นต้น โดยเครื่องประเมินความเสี่ยงระหว่างนั่งทำงานถูกพัฒนาขึ้น เพื่ออำนวยการทำงานของเจ้าหน้าที่ความปลอดภัย โดยนำเครื่องประเมินความเสี่ยงไปติดตั้งบริเวณเครื่องจักร ติดกล้องไว้สองข้างลำตัวของผู้ปฏิบัติงาน จากการทดสอบพบว่าให้ค่าที่เที่ยงตรงกว่ามุมอื่นๆ และมีค่าความผิดพลาดไม่เกิน 10 องศาจากอุปกรณ์วัด แต่ที่สำคัญคือให้ค่าที่แม่นยำกว่าการประเมินด้วยสายตามนุษย์และการจดบันทึกด้วยมือ “ ปัจจุบันสถานประกอบการในไทยได้มีการประเมินความเสี่ยงในการทำงานของพนักงานอยู่บ้าง แต่เป็นการประเมินจากสายตาซึ่งความแม่นยำไม่มากนัก ซึ่งเป้าหมายจริงๆ ที่พัฒนาซอฟต์แวร์นี้ขึ้นมาเพราะหวังว่าจะเป็นประโยชน์ต่อเจ้าของบริษัท ผู้ประกอบการโรงงาน ที่มีความใส่ใจในความปลอดภัยหรือสุขลักษณะของพนักงานได้นำไปใช้ ซึ่งปกติเครื่องมือแบบนี้ในต่างประเทศมีใช้กันทั่วไปแต่มีราคาสูงถึงเกือบสิบล้านบาท แต่เครื่องมือที่ได้พัฒนาขึ้นเองนั้นมีราคาไม่สูงอยู่ที่หลักหมื่นต้นๆ เท่านั้น” นายเชาวลิต กล่าว ด้าน ผศ.ดร.สกล ธีระวรัญญู รองคณะบดีฝ่ายวิชาการ คณะสถาปัตยศาสตร์ มจธ. ซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษางานวิจัย กล่าวเสริมว่า ผลงานชิ้นนี้สามารถใช้งานได้แล้วแต่ยังไม่สมบูรณ์แบบเพราะยังต้องพัฒนาในส่วนของการจับเซ็นเซอร์บริเวณข้อมือลงไปจนถึงนิ้วให้มีความแม่นยำมากขึ้น เนื่องจากในคนทำงานที่ต้องใช้คอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวันเสี่ยงต่อการเป็นโรค Carpal tunnel syndrome หรือ การกดทับเส้นประสาทบริเวณข้อมือ ดังนั้นการประเมินความเสี่ยงที่จะเกิดกับบริเวณข้อมือและนิ้วก็ถือว่าสำคัญเช่นกัน นอกจากนี้ยังต้องพัฒนาซอฟต์แวร์ให้สามารถประเมินความเสี่ยงของการทำงานในท่ายืน และจะพัฒนาให้เป็นซอฟต์แวร์จับเซ็นเซอร์ที่สามารถจับท่าทางของมนุษย์แล้วแปลเป็นคำสั่งต่างๆ เช่น การสวิตช์ไฟ หรือเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ได้ต่อไปในอนาคต.

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ประเมินความเสี่ยงระหว่างทำงาน ลดปัญหาโรค “ออฟฟิศซินโดรม”

กสท.รับทราบราคาโครงข่ายทีวีดิจิทัล

กสท.รับทราบราคาค่าเช่าโครงข่ายทีวีดิจิทัล ช่อง 9 เสนอราคาสูงสุด ต่ำสุดคือ ไทยพีบีเอส เตรียมเชิญผู้ประกอบการทีวี และผู้ประกอบการโครงข่าย เจรจาค่าเช่าวันที่ 21 ต.ค. นี้
วันนี้(14ต.ค.)ที่สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ(กสทช.)พ.อ.ดร.นที ศุกลรัตน์ รองประธานกสทช.และประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์(กสท.) เปิดเผยว่าที่ประชุมกสท.พิจารณารับทราบ ราคาค่าเช่าบริการโครงข่ายที่ใช้คลื่นความถี่ภาคพื้นดินในระบบทีวีดิจิทัล จำนวน 4 ราย ตามที่สำนักงานกสทช.เสนอมา โดยบริษัท อสทม.จำกัด(มหาชน) หรือช่อง 9 เสนอราคาสูงสุดคิดค่าเช่า ช่องวาไรตี้คุณภาพมาตรฐาน(เอสดี)  ราคา 4.76 ล้านบาท / เดือน ช่องวาไรตี้คุณภาพคมชัดสูง(เอชดี) ราคา 14.28  ล้านบาท / เดือน  รองลงมาคือ กองทัพบกโดยสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก หรือช่อง 5 คิดค่าเช่าช่องเอสดี  4.72 ล้านบาท / เดือน  ช่องเอชดี 14.16 ล้านบาท / เดือน   ในขณะที่กรมประชาสัมพันธ์ เสนอราคาค่าเช่าของช่องเอสดี 4.65 ล้านบาท / เดือน  ช่องเอชดี 13.95 ล้านบาท และสุดท้ายไทยพีเอสเสนอราคาต่ำสุด ช่องเอสดี 4. 60 ล้านบาท / เดือน ช่องเอชดี 13.81 ล้านบาท / เดือน ซึ่งราคาดังกล่าวนี้ใช้เฉพาะนำไปออกในระบบภาคพื้นดิน ไม่เกี่ยวกับการนำไปออกช่องทางดาวเทียม สำหรับราคาค่าเช่าบริการโครงข่าย  สามารถตกลงเจรจาปรับลดลงได้ ซึ่งในวันที่ 21 ต.ค. 56จึงเชิญผู้ประกอบการโครงข่ายทั้ง 4 ราย มาชี้แจงและนำเสนอให้ผู้ประกอบการที่ซื้อซองเอกสารประมูลทีวีดิจิทัล 24 ช่อง   ในขณะเดียวกันหลังจากผู้ให้บริการโครงข่ายเปิดให้บริการแก่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลเป็นระยะเวลา 1 ปี กสท.จะได้พิจารณา ทบทวน ราคาค่าเช่าอีกครั้ง เพื่อนำไปสู่มาตรฐานการกำกับดูแลต่อไป  “ทั้งนี้หากผู้ประกอบการโครงข่ายทั้ง 4 ราย จะปรับลดราคา ต้องเท่าเทียมกัน ไม่มีการเลือกปฎิบัติเพื่อลดราคาค่าเช่าให้แก่ผู้ประกอบการทีวีดิจิทัลรายใดรายหนึ่ง  ซึ่งราคาดังกล่าวเป็นราคาเพดานสูงสุดจะไม่แพงกว่านี้แน่นอน  ซึ่งกสท.ไมได้เป็นผู้กำหนดราคาดังกล่าว และการทำสัญญาเช่าใช้บริการเป็นระหว่างผู้ให้บริการโครงข่ายและผู้ประกอบการทีวีดิจิทัล ”  พ.อ.ดร.นที กล่าว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กสท.รับทราบราคาโครงข่ายทีวีดิจิทัล

Page 799 of 805:« First« 796 797 798 799 800 801 802 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file