นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า  เตรียมหารือกับสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง(สศค.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) เพื่อเข้าไปแก้ไขปัญหา 2 ธนาคารของรัฐ ประกอบด้วย ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย(ธพว.) และ ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย(ไอแบงก์) เนื่องจากพบว่าธนาคารทั้ง 2 แห่งมีปัญหาในด้านการบริหารงานและการแก้ปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลที่ยังไม่ได้ตามแผนที่วางไว้ “ได้รับรายงานว่าคณะกรรมการธพว.มีปัญหาความขัดแย้งรุนแรง  กับนายมนูญรัตน์ เลิศโกมลสุข กรรมการผู้จัดการ รวมถึงปัญหาด้านสภาพคล่องของธนาคาร ขณะที่ไอแบงก์ยังขาดผู้ดูแลระบบการบริหารงานในตำแหน่งกรรมการผู้จัดการจึงจำ เป็นต้องเร่งสรรหาโดยเร็ว เพื่อจะได้รีบเข้ามาช่วยกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น  อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการแก้ปัญหาของทั้ง 2 แบงก์ ไม่ค่อยคืบหน้า จึงต้องให้ สศค. และ สคร. เข้าไปช่วยดูแล เพราะหากปล่อยทิ้งไว้นานอาจเกิดปัญหาบานปลายจนแก้ไขได้ยากขึ้น และจะส่งผลกระทบกับผู้ฝากเงิน รวมถึงการปล่อยสินเชื่อในอนาคตได้”   สำหรับการเพิ่มทุนให้กับธนาคารทั้ง 2 แห่งต้องดูด้วยว่าสามารถดำเนินงานตามแผนฟื้นฟูกิจการได้หรือไม่  ซึ่งหากไม่ได้ตามเป้าที่วางไว้กระทรวงการคลังอาจต้องทบทวนแผนเพิ่มทุนใหม่อีกครั้ง รายงานข่าวจากกระทรวงการคลังแจ้งว่า  หากฝ่ายบริหารธพว.ทำงานตามแผนฟื้นฟูกิจการ คาดว่ากระทรวงการคลังจะพิจารณาการเพิ่มทุนจดทะเบียนให้กับธนาคารอีก 2,000 ล้านบาท จากที่ก่อนหน้านี้ได้ให้เพิ่มทุนไปแล้วประมาณ550 ล้านบาท  ขณะที่หนี้เอ็นพีแอลปัจจุบันอยู่ที่ 31,000 ล้านบาท ต้องลดเหลือ28,850 ล้านบาทสิ้นปีนี้  ขณะที่ไอแบงก์ตั้งเป้าหมายไว้ว่าเอ็นพีแอลจะเหลือ 20,000 ล้านบาทในวันที่ 31 ธ.ค. 57 ซึ่งปัจจุบันมีหนี้เอ็นพีแอลประมาณ 23,000 ล้านบาทและมีพอร์ตสินเชื่อกว่า 110,000 ล้านบาท  พอร์ตเงินฝากกว่า 121,000 ล้านบาท มีสินทรัพย์รวม สูงกว่า 600 ล้านบาท

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลังหาแนวทางแก้ปัญหาธพว.-ธ.อิสลาม

Posts related