รายงานข่าวจากการะทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังเป็นห่วงการจัดเก็บรายได้รัฐบาลในช่วงที่เหลือของปีนี้ เนื่องจากกังวลว่าการจัดเก็บจะไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ 2.27 ล้านล้านบาท เนื่องจากปัญหาทางการเมืองที่ไม่คลี่คลายที่กระทบการขยายตัวทางเศรษฐกิจแล้ว ยังพบว่าเกิดความผิดพลาดจากการประมาณรายได้การจัดเก็บปี 57 ที่เดิมคาดว่าการปรับลดอัตราจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา จะส่งผลให้ฐานภาษีขยายตัว เพราะอัตราภาษีต่ำลง ทำให้ผู้มีรายได้เข้าระบบภาษีมากขึ้น แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากฐานภาษีขยายเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “ช่วง 10 ปีที่ผ่านมา กรณีการปรับลดภาษีเงินได้ในต่างประเทศ ก็ไม่ได้ส่งผลให้การจัดเก็บรายได้โดยรวมลดลง แต่เจ้าหน้าที่กรมสรรพากรต้องทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันรายได้ภาษีปีนี้ที่ลดลงอย่างมาก ก็ไม่ได้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมาที่เกิดจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอ เพราะปีนี้เศรษฐกิจไทยยังแค่ซึมๆ ยังไม่ถึงกับวิกฤต แต่ที่รายได้ไม่ถึงเป้าน่าจะมาจากฐานภาษีไม่ขยายตัวมากกว่า”นอกจากนี้ การที่ฝ่ายการเมืองมีนโยบายเปลี่ยนตัวผู้บริหารกระทรวงการคลัง รวมถึงตำแหน่งอธิบดีกรมภาษีบ่อยครั้ง ก็ส่งผลให้การจัดเก็บไม่มีประสิทธิภาพ และขาดความต่อเนื่องไปด้วย ซึ่งจากการหารือกับ เจ้าที่ระดับปฏิบัติการของกรมภาษีต่างๆ ให้ความเห็นว่าการปรับเปลี่ยนตำแหน่งอธิบดีกรมภาษี ที่ส่งผลให้ปรับเปลี่ยนเจ้าหน้าปฏิบัติการระดับภาค จังหวัด ที่ขึ้นตรงต่ออธิบดีตามไปด้วยนั้น บางนโยบายจะไม่ได้รับการตอบสนอง และอธิบดีก็ไม่มีบารมีเพียงพอที่จะไปสั่งนโยบายให้ดำเนินงานอย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างไรก็ตาม มีความเป็นห่วงการจัดทำประมาณการรายได้ปีงบประมาณ 58 รวมถึงในปีต่อไป เพราะตามปกติรายได้จากต้องขยายตัวเพิ่มขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจและทิศทางการลงทุนของรัฐบาล เช่น โครงการ 2 ล้านล้านบาท ดังนั้น ถ้ารัฐบาลจำเป็นต้องให้มีรายได้เพียงพอต่อการใช้จ่าย ทิศทางบริหารการจัดเก็บก็ควรจะต้องมีการปฏิรูประบบภาษีใหม่ และเป็นไปตามตัวชี้วัดคุณภาพการทำงานของ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาระบบราชการ (ก.พ.ร.) ที่กำหนดให้กระทรวงการคลังต้องปฏิรูประบบภาษีด้วย ซึ่งจากนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงการคลัง ก็จะต้องเตรียมแผนเพื่อเสนอรัฐบาลใหม่ดำเนินการดังกล่าว 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คลังห่วงจัดเก็บรายได้กังวลพลาดเป้า

Posts related