รายงานข่าวจากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และหัวหน้าฝ่ายสังคมจิตวิทยา ได้ประชุมร่วมกับส่วนราชการของกระทรวงท่องเที่ยว โดยเน้นให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ ดูแลความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวเป็นพิเศษ เพราะเห็นว่า ปัจจุบันนักท่องเที่ยวมักถูกผู้ประกอบการเอารัดอาเปรียบอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับภาพลักษณ์ให้กับการท่องเที่ยวของไทยเป็นอย่างมาก ขณะเดียวกันผบ.ทร.ยังมอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวฯ เร่งรัดการจัดตั้งศาลท่องเที่ยว ที่ยังไม่สามารถจัดตั้งได้ใน 5 จังหวัดให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว พร้อมทั้งให้พิจารณาความเหมาะสมของการขยายศาลท่องเที่ยวเพิ่มเติมในจังหวัดใหญ่ๆ ที่สำคัญด้านการท่องเที่ยวด้วย สำหรับการจัดตั้งศาลท่องเที่ยวนั้น ที่ผ่านมาได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมครม.ไปแล้ว โดยอนุมัติงบกลาง ประจำปี 56 จำนวน 17 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจัดตั้งกลุ่มงานคดีนักท่องเที่ยวในศาลยุติธรรม นำร่องในพื้นที่แหล่งท่องเที่ยวสำคัญ 7 แห่ง ซึ่งปัจจุบันจัดตั้งไปแล้ว 2 แห่ง คือ ศาลจังหวัดพัทยา และศาลจังหวัดภูเก็ต ส่วนที่เหลืออีก 5 แห่งคือ ศาลแขวงเชียงใหม่ ศาลจังหวัดเกาะสมุย ศาลจังหวัดกระบี่ ศาลแขวงดุสิต และศาลแขวงปทุมวัน ยังไม่ได้ดำเนินการ ซึ่งหน้าที่ของศาลดังกล่าวจะช่วยเหลือ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ถูกเอาเปรียบจากผู้ประกอบการ และกลุ่มมิจฉาชีพ ให้ได้รับการคุ้มครองทันที แม้ว่าจะมีเวลาท่องเที่ยวอยู่ในประเทศไทยเพียงระยะเวลาสั้นๆ ก็ตาม ทั้งนี้พล.ร.อ.ณรงค์ ยังได้สั่งการให้กระทรวงท่องเที่ยวฯ ไปประสานกับกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องเร่งประชาสัมพันธ์ชี้แจงต่างชาติให้เข้าใจถึงสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทย เพื่อสร้างความเขช้าใจว่าบรรยากาศด้านการท่องเที่ยวไม่มีอะไรน่ากังวล และมีความปลอดภัยต่อนักท่องเที่ยว ส่วนการประกาศห้ามให้ประชาชนออกจากเคหสถาน (เคอร์ฟิว) นั้น ล่าสุดฝ่ายความมั่นคงของคสช.อยู่ระหว่างการพิจารณาสถานการณ์ โดยเฉพาะในจังหวัดใหญ่ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ว่า หากจังหวัดใดที่ไม่มีสถานการณ์ความขัดแย้งทางการเมือง จะพิจารณายกเลิกประกาศดังกล่าวทันที เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยว พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ตัวเลขรายได้จากการท่องเที่ยวของไทยในปี 57 นี้ ยังคงเป้าหมายเดิมที่ 2 ล้านล้านบาท ยอมรับว่า อาจจะได้รับผลกระทบบ้างในช่วงแรก ซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวปรับลดลงไปประมาณ 18-20% แต่ในช่วงที่เหลือของปี คาดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น โดยแผนการกระตุ้นการท่องเที่ยวนั้น ล่าสุดกระทรวงการท่องเที่ยวฯก็มีแผนอยู่แล้ว และเชื่อว่าจะจะทำได้อย่างดีที่สุด  นายสุวัตร สิทธิหล่อ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กล่าวว่า หากกระทรวงการท่องเที่ยวฯ ได้รับงบประมาณ 845ล้านบาทจะช่วยให้จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติในช่วงครึ่งปีหลัง เดินทางมาเพิ่มขึ้นได้อีก 1 ล้านคน หรือจากประมาณ 26.01 ล้านคนเป็น 27.01 ล้านคนเนื่องจาก ททท.จะวางแผนนำเสนอกลยุทธ์แบบเร่งด่วน เพื่อกระตุ้นตลาดนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยเร็ว โดยเฉพาะในกลุ่มที่ฟื้นกลับมาท่องเร็ว อาทิ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เป็นต้น “กระทรวงฯได้นำเสนอถึงมาตรการต่างๆ ที่จะกระตุ้นการท่องเที่ยว เพราะต้องยอมรับว่า จากเหตุการณ์ทางการเมืองทำให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลงเป็นจำนวนมาก และหลังจากที่นำเสนอแผนไปแล้ว ทางคสช.ก็ได้รับแผนไปพิจารณาเพื่ออนุมัติงบประมาณ และการอนุมัติงบนั้นจะต้องให้ความสำคัญกับสิ่งที่เสนอด้วยว่า มีความคุ้มค่าหรือไม่ โดยภายในสัปดาห์หน้าจะนำแผนที่มอบหมายให้ ททท.ไปคิดกลยุทธ์ต่างๆ ไปมอบให้ฝ่ายคสช.ทำให้พิจารณางบประมาณให้ได้เร็วที่สุด” นอกจากนี้ด้านการผ่อนปรนระยะเวลาเคอร์ฟิวนั้น ได้มีการเสนอกับคสช.ด้วยเช่นกัน ซึ่งคาดว่าจะพิจารณาลดระยะหรือยกเลิกเคอร์ฟิวในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่มีความสงบและไม่มีการชุมนุมเพื่อ ทำให้นักท่องเที่ยวมีความมั่นใจที่จะมาท่องเที่ยวขณะเดียว จะให้นำสื่อมวลชนต่างชาติเข้ามาร่วมแฟมทริปในแหล่งท่องเที่ยวที่ไม่ได้รับผลกระทบทางการเมือง เพื่อให้เห็นภาพลักษณ์ว่าประเทศไทยยังมีความสงบในแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆ ส่วนแผนการจัดโรดโชว์ของกระทรวงร่วมกับคสช. ขณะนี้ยังไม่มีแนวคิดที่จะทำ เพราะไม่มั่นใจว่าจะมีประเทศไหนเห็นด้วยกับการรัฐประหารในครั้งนี้มากน้อยเพียงใด แต่ในขณะเดียวกัน ททท.จะยังคงเดินหน้าจัดงานโรดโชว์ตามเดิม  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : คุมเข้มท่องเที่ยวปลอดภัย

Posts related