นายชิษณุพงศ์ รุ่งโรจน์งามเจริญ นายกสมาคมผู้ค้าปิโตรเลียมเหลวหรือแอลพีจี เปิดเผยว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวทางการตรึงราคาแอลพีจีภาคขนส่งไว้ที่กก.ละ 21.38 บาท.ในเดือนมี.ค.นี้ และปล่อยให้ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนปรับขึ้นอีกกก.ละ50 สตางค์ไปอยู่ที่กก.ละ 21.63 บาท ซึ่งทำให้ราคาแอลพีจีภาคครัวเรือนสูงกว่าขนส่งทันที โดยถือว่านโยบายนี้ไม่ยุติธรรมกับผู้ใช้น้ำมัน เนื่องจากมีการดึงเงินผู้ใช้น้ำมันที่จ่ายเข้ากองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาอุดหนุนราคาแอลพีจีให้ต่ำกว่าตลาดโลก “กระทรวงพลังงานควรจะปรับราคาแอลพีจีภาคขนส่งให้เท่ากับภาคครัวเรือน เพราะหากราคาภาคขนส่งต่ำกว่าครัวเรือนกก.ละ 1-2 บาท เชื่อว่าการลักลอบใช้แอลพีจีจะมีมากขึ้น โดยประชาชนอาจนำถังแอลพีจีครัวเรือนไปเติมตามปั๊มแก๊สและสามารถเลือกเติมแบบไม่เต็มถังก็ได้ ซึ่งเรื่องนี้อยากให้รัฐเสนอคณะกรรมการการเลือกตั้งหรือกกต.พิจารณาแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น” นายชิษณุพงศ์  กล่าวนายเสมอใจ ศุขสุเมฆ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนพลังงาน (สนพ.) กระทรวงพลังงาน กล่าวว่า สนพ.ได้มีโครงการ”ศึกษาจัดทำแบบจำลองการพยากรณ์และสำรวจการใช้พลังงานในภาคขนส่ง” ประกอบด้วย การใช้ในรถยนต์ รถบรรทุก รถโดยสาร และยานพาหนะอื่นๆ รวมถึงการใช้พลังงานในรถไฟและเครื่องบิน เพื่อนำผลการศึกษามาพยากรณ์ความต้องการใช้เชื้อเพลิงในภาคขนส่งให้เกิดประสิทธิภาพและกำหนดนโยบายแนวทางพลังงานของประเทศได้อย่างถูกต้อง”การใช้พลังงานในภาคขนส่งเพิ่มขึ้นทุกปี โดยมีการใช้พลังงานในภาคขนส่งสูงถึง 36% ของการใช้พลังงานทั้งประเทศ และเป็นการขนส่งทางบกโดยเฉพาะทางบกหรือรถยนต์80% และการใช้เชื้อเพลิงก็หลากหลาย ดังนั้นการศึกษาจะมีการวิเคราะห์ผลกระทบโครงสร้างภาษีรถยนต์ มาตรฐานรถยนต์ที่ได้ประกาศใช้ ประสิทธิภาพของรถยนต์และโครงสร้างราคาน้ำมันเบนซิน ดีเซล และเชื้อเพลิงอื่นๆ ด้วย ซึ่งการสำรวจจะทำทุก5ปี เพื่อได้ข้อมูลที่ทันสมัยและทันต่อเหตุการณ์” นายเสมอใจ  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ค้านตรึงแอลพีจีภาคขนส่ง

Posts related