ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชน ได้จัดงานสัมมนาและทิทรรศการเรื่อง อนาคตเศรษฐกิจไทยภายใต้ประชาคมอาเซียน ในการสร้างความรู้ และการเข้าถึงข้อมูลแก่หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนทั่วไป เกี่ยวกับการรวมตัวไปสู่ประเทศอาเซียน เพื่อเตรียมพร้อมหลังการเปิดตัวของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี)ในปี 58 โดยจัดงานที่ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ถนนแจ้งวัฒนะ ตั้งแต่วันที่ 28 ต.ค. – 6 พ.ย. 56 ซึ่งบรรยากาศงานในวันแรกค่อนข้างเงียบเหงามีประชาชนและนักธุรกิจเข้ามาชมงานน้อยมาก น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เปิดเผยว่า ขณะนี้รัฐบาลและภาคเอกชนอยู่ระหว่างร่วมกันจัดตั้ง อาเซียน ยูนิต ในทุกหน่วยงานของราชการทำหน้าที่ให้ความรู้และประสานงานแบบบูรณาการเรื่องของอาเซียนแก่ประชาชน ข้าราชการ และนักธุรกิจ เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการแข่งขันโดยเฉพาะในส่วนของการเพิ่มมูลค่าสินค้าและบริการแก่ธุรกิจเอสเอ็มอีในแต่ละท้องถิ่นให้เป็นที่ต้องการของตลาดทั้งในและต่างประเทศ “การตั้งอาเซียน ยูนิต ประชาชนจะได้เห็นมากขึ้นในปีหน้า เพื่อที่จะประสานงานและบูรณาการเรื่องของอาเซียน รวมถึงจะประชุมระดับปฏิบัติการตั้งแต่ระดับผู้ว่าราชการจังหวัด หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจนถึงระดับรัฐมนตรี ซึ่งระดับนโยบายก็เริ่มหารือพูดคุยกัน ทั้งการพัฒนาโซนนิ่งภาคการเกษตร โซนนิ่งการพัฒนาอุตสาหกรรม ส่งเสริมเอสเอ็มอีและโอทอป การเชื่อมโยงการพัฒนาด่านชายแดน การพัฒนาโครงสร้างของการเชื่อมโยงสู่การค้า การเตรียมตัวของบุคลากรด้านการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้คนไทยกินดีอยู่ดีหลังการเปิดเออีซี” น.ส.ยิ่งลักษณ์ กล่าวว่า รัฐบาลจะหารือกับภาคเอกชนด้านการเตรียมความพร้อมรองรับการเปิดเออีซีอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน หรือ กกร. ที่ประกอบด้วย สภาหอการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และสมาคมธนาคารไทย เพื่อเร่งปรับตัวในการที่จะใช้โอกาสของการเปิดเออีซีให้เกิดประสิทธิภาพมากขึ้น พร้อมทั้งมีการหาพันธมิตรทางธุรกิจใหม่ ๆ และปรับกลยุทธ์รูปแบบการตลาดให้สอดคล้องกับตลาดใหม่จาก 60 ล้านคนเป็น 600 ล้านคน ด้านนายศุภรัตน์ ศิริสุวรรณางกูร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ขณะนื้ภาคเอกชนมีความกระตือรือร้นกับการเตรียมความพร้อมรับมือกับการเปิดเออีซีอย่างมาก โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอีที่ต้องมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง ซึ่งต่างจากรายใหญ่หรือบริษัททุนข้ามชาติที่กลุ่มนี้มีความพร้อมมาก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งนี้ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ต้องการแนะนำให้กลุ่มผู้ผลิตชิ้นส่วนที่มี 1,700 รายต้องเร่งเพิ่มศักยภาพการผลิตโดยเฉพาะเรื่องของต้นทุนเนื่องจากการเปิดเออีซีก็จะทำให้บรรดาค่ายรถยนต์สามารถที่จะหาชิ้นส่วนต่างๆจากประเทศในอาเซียนง่ายขึ้น เพราะมีการนำเข้ามาง่ายหลังจากทุกประเทศมีการผ่อนคลายกฎระเบียบต่างๆลง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : งาน อาเซียน ยูนิต วันแรกยังกร่อย

Posts related