นางวรวรรณ ธาราภูมิ ที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย ในฐานะกรรมการกลยุทธ์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ประเมินว่าสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศขณะนี้ จะผลให้ตลาดหุ้นผันผวนในระยะสั้น เห็นได้จากนักลงทุนเริ่มชะลอการลงทุนบ้างแล้ว และหากมีความรุนแรงเกิดขึ้น จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นผันผวนอย่างรุนแรง โดยหากปล่อยให้ร่างพ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำผิด เนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง และการแสดงออกทางการเมืองของประชาชนผ่านไปได้ คาดว่าจะกระทบความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนต่างชาติในระยะยาว ที่ถือว่าไม่ดีต่อการพัฒนาประเทศ เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติจะไม่มีความเชื่อมั่นจะเข้ามาลงทุนในไทย “ตลาดหุ้นช่วงนี้คงผันผวนรับข่าวเรื่องการเมือง แต่เชื่อว่าเป็นระยะสั้นเหมือนที่เคยผ่านๆ มา แต่ที่สำคัญหากมีการล้างความผิดให้ผู้ที่คอร์รัปชั่น จะส่งผลกระทบต่อประเทศในระยะยาว เพราะนักลงทุนต่างชาติไม่เชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในไทย โดยล่าสุดคะแนนความโปร่งใสของการบริหารประเทศของไทยอยู่เพียง 37 คะแนน จาก 100 คะแนน และอยู่ในอันดับ 88 จาก 176 ประเทศ ซึ่งต่ำกว่าประเทศซาอุดีอาระเบีย อยู่ที่ 66 และจีน อยู่ที่ 80 บ่งชี้ได้ว่าไทยคอร์รัปชั่นสูง จึงอยากให้ทุกอย่างผ่านกระบวนการยุติธรรม ไม่ใช่ว่าอยู่ดี ๆ ทำผิดแล้วก็มาล้างกันอย่างนี้ง่าย ๆ ถือว่าไม่ถูกต้อง” ทั้งนี้ สภาธุรกิจตลาดทุนร่วมกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) ภาคธุรกิจ การเงินและการลงทุน ร่วมกันคัดค้านตามที่กรรมาธิการเสียงข้างมากในที่ประชุมคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรม โดยไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขเพิ่มเติมความร่างในมาตรา 3 เพื่อล้างผิดคดีทุจริต และยืนยันว่าบรรดาคดีในฐานความผิดคอร์รัปชั่นทั้งหมดต้องเข้าสู่ขบวนการยุติธรรมจนถึงที่สุด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายและสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องของกระบวนการยุติธรรมในสังคมเพื่อให้การปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นเป็นรูปธรรมอย่างจริงจังและน่าเชื่อถือ ด้านนายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) กล่าวว่า องค์กรต่อต้านคอร์รัปชันจะคัดค้านล้างผิดคดีโกง โดยเฉพาะการแก้ไขเพิ่มเติมความในร่างมาตรา 3 ของ พ.ร.บ.นิรโทษกรรมจนถึงที่สุด และยืนยันว่าทุกคดีที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตคอร์รัปชั่นต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมจากทุกฝ่ายและช่วยสร้างบรรทัดฐานที่ถูกต้องให้กับสังคม “การเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง โดยมองว่าการแก้ไขร่างดังกล่าวจะส่งผลต่อทุกภาคส่วนอย่างร้ายแรง เนื่องจากสถานการณ์คอร์รัปชั่นในไทยเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เพราะจากการศึกษาพบว่าไทยสูญเสียงบประมาณในการทุจริตมากกว่าปีละ 300,000 ล้านบาท รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมการทุจริต ทำให้ผู้ที่กระทำความผิดไม่เกรงกลัวต่อกฎหมาย ซึ่งทำให้การคอร์รัปชั่นมีมากขึ้น เกิดค่านิยมที่ผิดว่าโกงแล้วไม่มีความผิดต่อทัศนคติของคนรุ่นใหม่ ที่มีผลเสียต่อสังคมเกินกว่าจะแก้ไขได้ และยังเป็นความเสี่ยงอาจทำให้รัฐบาลไทยเสียภาพลักษณ์ในสายตาของประชาคมโลก” นายมานะ นิมิตรมงคล ผู้อำนวยการ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นฯ กล่าวว่า วันที่ 29 ต.ค. องค์กรฯ ได้เดินทางไปสำนักงานอาชญากรรมและยาเสพติดแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นโอดีซี) เพื่อยื่นแถลงการณ์คัดค้านการแก้ไขในร่างพ.ร.บ.ดังกล่าว รวมทั้งเดินสายเข้าพบทูตประเทศต่าง ๆ ประจำประเทศไทย ที่มีบทบาทและให้ความสำคัญเกี่ยวกับการต่อต้านทุจริตคอรัปชั่นภายในสัปดาห์นี้ เพื่อต้องการสื่อสารให้นานาชาติและสังคมโลกช่วยกันตีแผ่และให้รับรู้ว่าไทยตระหนักถึงเรื่องการต่อต้านคอร์รัปชั่นอย่างจริงจัง

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จับตาการเมืองกระทบตลาดทุนผันผวน

Posts related