เมื่อวันที่ 25 ต.ค. นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานคณะกรรมการและประธานคณะผู้บริหารเครือเจริญโภคภัณ์ ปาฐกในโอกาสครบรอบ 60 ปี บริษัทเจริญโภคภัณฑ์อาหารจำกัด (มหาชน) หรือซีพีเอฟ ว่า เริ่มทำธุรกิจได้เป็นผู้จัดการค้าไข่ตอนอายุ 25 ปี ขณะนี้ร่วมงานกับซีพีเอฟมาแล้ว 55 ปี ทุกวันนี้เศรษฐกิจของประเทศไทยถือเป็นเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ดีกว่าในอดีตที่ผ่านมา เพราะเงินทุนสำรองอยู่ในระดับสูง และอยู่ในระดับสูงมากที่สุดในอาเซี่ยน แสดงว่าประเทศไทยเต็มไปด้วยโอกาส ดังนั้นจำเป็นต้องสร้างรถไฟความเร็วสูง งบประมาณการลงทุน2ล้านล้านบาทต้องผ่าน ถ้าไม่ผ่าน6ล้านล้านบาทก็ไม่รู้จะสร้างได้เมื่อไหร่ เพราะเห็นตัวอย่างจากประเทศที่ทำรถไฟควาเร็วสูงแล้วทั้งเกาหลีใต้ ไต้หวัน ญี่ปุ่น จีน เมื่อทำแล้วเจริญรุ่งเรือง จากนี้ต่อไปโลกจะปลี่ยนแปลง ยังมีการรุกคืบ เพื่อซื้อธุรกิจที่เป็นโอกาสในโลก ซีพีก็เช่นกันจะยังเดินหน้าหากิจการที่จะนำไปสนับสนุนการประกอบธุรกิจอาหารคน อาหารสัตว์ของซีพีป้อนโลก เพื่ออนาคต3-5ปี ธุรกิจที่เข้าไปลงทุนก็จะนำไปจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ในประเทศนั้นๆ ธุรกิจอีคอมเมิร์ชถือเป็นธุรกิจที่จะยิ่งใหญ่ในอนาคต มากกว่า70-80%จะต้องซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต การซื้อขายผ่านอินเทอร์เน็ต เป็นโอกาสสำหรับอาหารสดและสำเร็จรูปที่จะส่งถึงบ้านผู้บริโภค และธุรกิจค้าปลีกช่วยกระจายสินค้า ดังนั้นขณะนี้ซีพียังเดินหน้าซื้อหุ้นธุรกิจค้าปลีก ทั้งในแถบยุโรป และอเมริกา หากไม่สามาถสู้ราคาได้ก็จะตัดสินใจสร้างโรงงานที่ดีและทันสมัย ในเบลเยี่ยม อังกฤษ อเมริกา ในส่วนของเบลเยี่ยมได้นักธุรกิจในท้องถิ่นเพื่อผลิตอาหาร ทั้ง3โรงงานจะดำเนินการภายในงบประมาณ 3,000ล้านบาท นายธนินท์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ซีพีเตรียมสร้างโรงเรียนผู้นำโดยอนาคตข้างหน้าจะเชิญลูกของลูกค้ามาร่วมสร้างผู้นำของประเทศ ขณะนี้สินค้าซีพีมีมากที่ขายให้ประชากรเกินครึ่งหนุึ่งของโลก แต่ซีพียังขาดทีมงานที่ยอดเยี่ยมในการผลิตอาหารคน ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ถือเป็นจุดอ่อนของซีพี ขณะที่อาหารสัตว์ซีพีมีความเชี่ยมชาญจำนวนมากและเพียงพอ ทั้งนี้เมื่อไทยกำลังมีโอกาสแม้ขณะนี้ไทยกำลังมีปัญหาแต่เชื่อว่าปัญหาจะอยู่แค่ช่วงสั้นและชั่วคราว จากนั้นจะเกิดความเจริญในไทยและอาเซี่ยน เพราะมีกลุ่มนักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนมาก เชื่อว่าจะทำให้ธุริจท่องเที่ยวเจริญมหาศาล สำหรับภาคการเกษตรถือเป็นภาคที่เป็นอนาคตของประเทศ ยางพาราถือสินคัาที่ได้ราคาดีอันดับ 1ของไทย แม้ขณะนี้ราคาอยุ่ที่80บาทต่อกก. ยังถือว่ามีกำไรมากที่สุด และรัฐบาลก็ยังอุดหนุนที่า90บาทต่อกก. รองลงมาคืออ้อย รัฐบาลสนับสนุนมานานแล้ว ต่อจากนั้นก็ปาล์ม ที่สามารถผลิตเป็นน้ำน่ำมันทั้งสำหรับคนและรถ สำคัญที่สุดมะพร้าว ขณะนี้ซีพีกำลังศึกษา การปลูกมะพร้าว ดังนั้นต้องรู้ว่าต้องปลูกในโรงเรือน เพราะเป็นพืชเกษตรชอบน้ำแต่ไม่ชอบฝน ไทยต้องเปลี่ยนพันธุ์เลี้ยงในโรงเรือนถ้าไทยต้องการเป็นครัวโลกจำเป็นต้องผลิตและปลูกมะพร้าว สิ่งเหล่านี้เป็นการยืนยันว่าไทยเต็มไปด้วยโอกาส

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ซีพีคว้าโอกาสทุ่ม3พันล้านซื้อกิจการยุโรป-มะกัน

Posts related