นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. ทิสโก้ จำกัด และในฐานะประธาน สภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยถึงกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ประกาศยกระดับการชุมนุม โดยเชิญชวนให้ประชาชนทำอารยะขัดขืนทั่วประเทศ เช่น การให้หยุดงานวันที่ 13-15 พ.ย. และขอให้เอกชนชะลอการจ่ายภาษีกลางปี ว่า หากมีการหยุดงานในช่วงดังกล่าวเป็นจำนวนมาก จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยอย่างแน่นอน ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนต่างชาติไม่พอใจมากนัก ส่วนกรณีการขอความร่วมมือให้ชะลอการจ่ายภาษีนั้น สภาฯ ไม่เห็นด้วย เพราะการจ่ายภาษีเป็นหน้าที่ซึ่งต้องปฎิบัติตามกฎหมายทั้งนิติบุคคล และทุกคนต้องทำตาม อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา สภาฯได้มีการแสดงจุดยืนเรื่องการคัดค้านเฉพาะ พ.ร.บ.นิรโทษกรรม และเมื่อรัฐแสดงท่าทีถอยแล้ว ภาคธุรกิจถือว่าพอใจ ดังนั้น การแสดงท่าทีใดๆ ในระยะต่อไปก็ขอให้อยู่ในระบบ รวมถึงกระบวนการของรัฐบาล เพื่ออยู่ในระบบของสภาฯ และเพื่อความสงบของประเทศ นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ในฐานะนายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตามลักษณะการดำเนินธุรกิจแล้ว บริษัทหลักทรัพย์คงจะหยุดงานยาก เนื่องจากธุรกิจหลักทรัพย์มีธุรกรรมการซื้อขายและส่งมอบหุ้นให้ลูกค้าทุกวัน ดังนั้น หากมีการหยุดงานไปจะส่งผลกระทบต่อลูกค้า รวมถึงทำให้เสียโอกาสในการลงทุน และเกิดความเสียหายได้ “พนักงานทุกคนมีสิทธิส่วนบุคคลในเรื่องการคิด และแสดงออกทางการเมือง แต่ก็ต้องมีความรับผิดชอบต่อหน้าที่ของตัวเอง ซึ่งต้องดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้า หากเกิดความเสียหายขึ้น อาจจะทำให้ลูกค้าฟ้องร้องได้” รายงานข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า เมื่อวันที่ 12 พ.ย. ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นฝ่ายขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยถึง 3,264.64 ล้านบาท สวนทางนักลงทุนกลุ่มอื่นที่เป็นฝ่ายซื้อสุทธิกันถ้วนหน้า ส่งผลให้ตั้งแต่ต้นปีถึงปัจจุบันต่างชาติ มียอดขายสุทธิ 119,672.71 ล้านบาท และเฉพาะวันที่ 1-12 พ.ย. มียอดขายสุทธิ 14,421.04 ล้านบาท บทวิเคราะห์ บล.เอเซีย พลัส ระบุว่า หากสถานการณ์การเมืองในประเทศคลี่คลาย เชื่อว่าจะมีเงินร้อน (ฮอต มันนี่) บางส่วนไหลกลับเข้ามาลงทุนและผลักดันดัชนีหุ้นไทยให้ปรับเพิ่มขึ้นได้อีกรอบ เพราะนักลงทุนต่างชาติไม่น่าจะขายสุทธิในตลาดหุ้นไทยไปมากกว่านี้ เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 5 ก.พ.56 ถึงปัจจุบัน พบว่า ต่างชาติขายสุทธิสูงถึง 133,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าพอร์ตโดยรวมของนักลงทุนต่างชาติตั้งแต่ ปี 52 ถึงปัจจุบัน เหลือเพียง 160,000 ล้านบาท จากระดับสูงสุด 323,000 ล้านบาท เมื่อ 15 มี.ค.56 หรือเท่ากับว่ามูลค่าพอร์ตลดลงไปกว่า 50%

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ตลาดทุนค้านหยุดงาน–ชะลอจ่ายภาษี

Posts related