นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)  เปิดเผยว่า  ได้มีคู่ค้าต่างประเทศ  สอบถามเข้ามาจำนวนมากทั้งทางอีเมลล์  และโทรเข้ามาสอบถาม ยังเอกชนไทย  ถึงสถานการณ์ในไทย หลังจากประกาศใช้กฎอัยการศึก ซึ่งเอกชนได้ชี้แจงว่า  การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้  เพื่อยุติความรุนแรงของสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการผลิต หรือส่งสินค้าแต่อย่างใด  ขอให้คู่ค้าเชื่อมั่นสถานการณ์ในประเทศไทยได้ ซึ่งทางคู่ค้า ก็เข้าใจ  และระบุว่า  จะยังสั่งซื้อสินค้าของเอกชนไทยต่อไป     “ตั้งแต่เริ่มมีเหตุการณ์ความวุ่นวานในไทย  คู่ต่างชาติ ก็สอบถามสถานการณ์มาตลอด ยิ่งล่าสุดประกาศกฎอัยการศึก ก็แห่เข้ามาสอบถามเป็นจำนวนมาก เราก็ชี้แจงไป ต่างชาติก็เข้าใจสถานการณ์  แต่ก็ไม่ใช่ว่า  ทางต่างชาติจะเชื่อจากคำพูดเราอย่างเดียว  เพราะคู่ค้าต่างชาติ หลายรายก็มีออฟฟิตในไทย และติดตามสถานการณ์ไทยอยู่แล้ว โดยสิ่งที่เขาให้ความสำคัญมากที่สุดคือ สั่งซื้อสินค้ากับไทยแล้ว จะส่งของให้เขาได้หรือไม่ ทางเรา ยืนยันว่าได้ เขาก็สบายใจ เพราะคู่ค้าก็ไม่อยากย้ายไปสั่งซื้อสินค้าของประเทศอื่น เพราะสินค้าไทยมีคุณภาพมากกว่า” นางเกศมณี เลิศกิจจา ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมเครื่องสำอาง  ส.อ.ท.  และนายกสมาคมผู้ผลิตเครื่องสำอางไทย กล่าวว่า   การประกาศกฎอัยการศึก ถ้าเป็นประเทศอื่น จะเป็นสถานการณ์ที่ไม่ดี แต่ในไทยกลับเป็นเรื่องดี  เพราะจะได้ยุติความรุนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย ที่ยังหาจุดจบไม่ได้  ซึ่งที่ผ่านมาในส่วนของอุตฯเครื่องสำอาง มีหลายประเทศสนใจที่จะเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย  เช่น  ล่าสุดทางเจ้าหน้าที่ทางการ ของประเทศอิตาลี ประจำในไทย  นำผู้ประกอบการเครื่องสำอาง ของประเทศอิตาลี กว่า 10  ราย  เข้ามาทำตลาดในไทย แต่จากสถานการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองก่อนหนหน้านี้ ก็ไม่แน่ใจว่า จะยังสนใจเข้ามาทำตลาดในไทยเพิ่มเติมหรือไม่ “ภาพความแตกต่างของการประกาศกฎอัยการศึกจริงๆมองแล้วเป็นเรื่องไม่ดี แต่สถานการณ์ในไทยขณะนี้ กลับเป็นเรื่องดี ถ้าจะได้ยุติความรุนแรงของทั้ง 2 ฝ่าย  เหมือนจับแยกเด็กดื้อ 2 ฝ่าย ที่กำลังตีกัน มาสงบสติอารมรณ์  แล้วค่อยๆ หันหน้าเข้ามาเจรจาหาทางออกร่วมกัน ถ้าไม่ทำแบบนี้ อาจเกิดเหตุปะทะ มีความรุนแรงเกิดขึ้นก็ได้ ถ้าเป็นอย่างนั้นสถานการณ์จะยิ่งแย่ไปกันใหญ่  เพราะตอนนี้กำลังซื้อในประเทศก็แทบจะไม่มีแล้ว ได้รับผลกระทบกันหมด” นายวิฑูรย์ สิมะโชคดี ปลัดกระทรวงอุตสาหกรรม  กล่าวว่า หากการเมืองจบเร็วเชื่อว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้น และส่งผลดีต่อภาคอุตสาหกรรมด้วย  โดยกระทรวงฯ ได้เรียกประชุมอธิบดีทุกกรมและหน่วยงานภายใต้กระทรวง เพื่อหารือเกี่ยวกับแนวทางช่วยเหลือผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ซึ่งในวันที่ 22 พ.ค.  57 จะประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมา

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ต่างชาติแห่ถามสถานการณ์ไทย

Posts related