นายฟิลิป แทน กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  เปิดเผยว่า  เริ่มเห็นสัญญาณหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลกับสินเชื่อบุคคลและบัตรเครดิตปรับตัวสูงขึ้นโดยมีเอ็นพีแอลเกินกว่า 3% ทำให้ธนาคารมีความระมัดระวังการปล่อยสินเชื่อให้กับลูกค้าโดยเฉพาะรายใหม่หลังจากปัญหาการเมืองยืดเยื้อ  ส่วนลูกค้ารายเก่าความสามารถในการชำระหนี้เริ่มตึงตัวหรือมีความล่าช้าบ้างซึ่งถือเป็นเรื่องปกติในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวจากปัญหาการเมืองในประเทศ  แต่เชื่อว่าถ้าการเมืองสงบมีการเลือกตั้งภายในสิ้นปีนี้การปรับตัวของสินเชื่อบุคคลจะเร็วกว่าสินเชื่อประเภทอื่นเห็นได้จากในช่วงเหตุการณ์น้ำท่วมหรือปัญหาการเมืองในประเทศในช่วง 14 ปีที่ผ่านมาเพราะเมื่อเศรษฐกิจดีทำให้ประชาชนกล้าใช้จ่ายส่งผลให้เม็ดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นและทำให้สินเชื่อกลับมาฟื้นตัวภายใน3-6 เดือน   “ตัวเลขเอ็นพีแอลสินเชื่อบุคคลแม้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้น แต่ถือว่ายังต่ำกว่าตลาด  ขณะที่เอ็นพีแอลของสินเชื่อรถยนต์อยู่ที่ 1.5% ส่วนที่อยู่อาศัยยังอยู่ระดับต่ำ  จากเอ็นพีแอลรวมอยู่ที่ประมาณ  2.5 % โดยเป็นระดับที่ดีสุดในระบบอุตสาหกรรมซึ่งดูจากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทยหรือธปท. ส่วนการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญอาจจะเพิ่มขึ้นในช่วงไตรมาส 2หากแนวโน้มเอ็นพีแอลมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น”      ทั้งนี้ยืนยันยังไม่ปรับเป้าสินเชื่อในปีนี้ที่ตั้งไว้8-9% ยกเว้นว่าจีดีพีติดลบจะต้องปรับเป้าสินเชื่อลดลง เช่น ถ้าจีดีพีปีนี้โต 1.5%  การเติบโตสินเชื่อจะอยู่ที่ 4.5-5% โดยจะไม่เร่งการให้สินเชื่อในช่วงที่เศรษฐกิจไม่ดีแต่เป็นไปตามความต้องการของตลาดมากกว่า สำหรับแผนธุรกิจของกรุงศรี ควิกเพย์ในปีนี้หรือการชำระสินค้าผ่านสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต จะเน้นไปที่ธุรกิจโลจิสติคส์ และธุรกิจขายตรง จากเดิมให้บริการเฉพาะธุรกิจประกัน เพราะกระแสนิยมกการทำธุรกรรมผ่านมือถือ  และอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยเพิ่มขึ้นโดยเฉพาะการช็อปปิ้งออนไลน์  ล่าสุดร่วมกับบริษัทเคอรี่ โลจิสติตส์ ประเทศไทย   และบริษัทคังเซน-เคนโก อินเตอร์เนชั่นแนลในการชำระค่าสินค้าและบริการ โดยปีนี้ตั้งเป้าไว้ว่าการทำธุรกรรมการเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์1,000 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตปีละ 25-30  %  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : กรุงศรีฯ คุมสินเชื่อสกัดหนี้เน่า

Posts related