นางชฏาทิพ จูตระกูล กรรมการผู้อำนวยการใหญ่บริษัท สยามพิวรรธณ์ จำกัดผู้บริหารสยามพารากอน เปิดเผยว่า บริษัทได้ร่วมมือกับพันธมิตรคือบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ดีเวล็อปเมนต์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ และเครือเจริญโภคภัณฑ์ พัฒนาโครงการไอคอนสยาม เมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ มูลค่า 50,000 ล้านบาท บนพื้นที่ 50ไร่ พร้อมทั้งร่วมมือกับภาครัฐและเอกชนพัฒนาอีกกว่า30 โครงการ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่ท่าเตียนจนถึงเอเชียทีคระยะทาง 10 กิโลเมตร ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ของโลก (แลนด์มาร์ค) ขณะนี้เริ่มตอกเสาเข็มแล้ว คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 60 เพื่อฉลองในหลวงครองราชย์ครบ 70 ปี“ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมือง ถือได้ว่าเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ที่ภาคเอกชนไทยเคยทำมาในประวัติศาสตร์ และจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ทันทีโดยมีพื้นที่ขนาด 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย 2 อาณาจักรศูนย์การค้า 525,000 ตร.ม. ติดถนนเจริญนคร กว่า 500 ร้านค้าหรูหราอาคารที่พักอาศัยริมแม่น้ำระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ 70 ชั้น 1อาคาร และ 40 ชั้นอีก 1 อาคาร มูลค่า 12,000 ล้านบาท รวมถึงมีศูนย์การประชุมระดับโลก 3,500 ที่นั่งนอกจากนี้ ยังมี 7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยอีก 10,000 ล้านบาทเช่น การแสดงสายน้ำผสมผสานแสง สี เสียงไฟและมันติมีเดีย ที่ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 400 เมตร พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสต ร์และสุดยอดภูมิปัญญาของไทย เป็นต้น”การร่วมมือกันครั้งนี้ ได้ก่อตั้งบริษัทใหม่ขึ้นมา 3 บริษัทคือบริษัท แกรนด์ ริเวอร์เพลส คอร์ปอเรชั่น จำกัด,บริษัทแกรนด์ ริเวอร์ พาร์ค คอร์ปอเรชั่นจำกัด และบริษัท แกรนด์ริเวอร์ ฟรอนท์ คอร์ปอเรชั่นจำกัด โดยมีทุนจดทะเบียนรวม 1,200 ล้านบาทบริษัท ถือหุ้น 50% แมกโนเลียฯถือหุ้น 25% และเครือเจริญโภคภัณฑ์ฯอีก 25%แต่เดิมมีพื้นที่เพียง 40 ไร่ งบลงทุน 35,000 ล้านบาท แต่เมื่อหารือกับพันธมิตรที่สนใจปรากฎว่าได้รับการตอบรับดีมาก จนต้องขยายโครงการเป็น 50 ไร่ งบ 50,000 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 40% โดยใช้งบ 6,000 ล้านบาท ซื้อที่ดินเพิ่ม ส่วนเงินลงทุนทั้งหมดนั้น ใช้แหล่งเงินจากธนาคารกสิกรไทยและธนาคารธนชาตอย่างละครึ่ง นอกจากนี้ ยังมีอีก 30โครงการใหม่ที่เริ่มดำเนินโครงการระหว่างปี 55-63 รวมมูลค่ากว่า142,000 ล้านบาทเพื่อร่วมกับร้านค้าที่อยู่อาศัย 2 ริ่มฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีกว่า 200 โครงการที่อยู่อาศัยริมแม่น้ำ ที่สามารถเข้าร่วมโครงการฯได้ และคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติมาใช้บริการสัดส่วน35%“เรากล้าลงทุนกับประเทศไทย เพราะเรามั่นใจในประเทศไทย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เราอยู่ตรงนี้มาโดยตลอด และถ้ายังจำกันได้ ในยามที่เศรษฐกิจของประเทศตกต่ำ เราจะลงทุนเสมอ ในช่วงที่กองทุนการเงินระหว่างประเท ศ(ไอเอ็มเอฟ) ให้รัดเข็มขัด เราก็เปิดห้างสรรพสินค้าสยามพารากอน เราจุดประกายการลงทุ นเพราะเรามั่นใจ ไม่กลัวไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม ก็มีบ้างที่นักท่องเที่ยวอาจจะหนีไป แต่ไม่นานก็กลับมา เพราะประเทศนี้มีดี”ขณะเดียวกัน จะสร้างพื้นที่จัดกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำและริเวอร์พาร์ค พื้นที่กว่า10,000 ตร.ม. รองรับการจัดงานระดับชาติ การแสดงโชว์ระดับโลก ด้วยนอกจากนี้มั่นใจว่าไอคอนสยาม จะกลายเป็นศูนย์กลางที่เชื่อมต่อการคมนาคมทางน้ำ กับโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคมในระบบอื่น ๆ คือ 2 สะพานข้ามเจ้าพระยาแล ะ3 โครงการสร้างสะพานข้ามแม่น้ำในอนาคต ระบบขนส่งมวลชนรถไฟฟ้าบีทีเอสและโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง อีกทั้งไอคอนฯ จะสร้างท่าเรือสาธารณะอีก 2 ท่าท่าเรือส่วนบุคคลอีก 1 ท่า เพื่อเชื่อมต่อกับ 73 ท่าเรือในรัศมี 10 กม. รวมทั้งจะมีเรือเฟอรี่รับส่งอีก 6 ลำบริการรถชัตเตอร์บัสรับส่งเป็นต้น

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ทุ่ม5หมื่นล้านผุดไอคอนสยาม

Posts related