นายวิชา พูลวรลักษณ์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์กรุ้ป จำกัด ผู้บริหารโรงภาพยนตร์และลานโบว์ลิ่ง เปิดเผยว่า บริษัทได้วางเป้าหมายการทำงานในอีก 5 ปีข้างหน้า ด้วยการผลักดันธุรกิจโรงภาพยนตร์ออกสู่ต่างประเทศให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้จากต่างประเทศจากปัจจุบันไม่ถึง 5% เป็น 20% ของรายได้ทั้งหมด โดยจะเริ่มต้นจากกลุ่มประเทศในประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ก่อน โดยจะให้ได้ 100 แห่งใน 5 ปี เพื่อขึ้นเป็นผู้นำตลาดโรงภาพยนตร์ในทุกประเทศที่เข้าไปลงทุนการทำงานในต่างประเทศนั้น จะตั้งบริษัทใหม่เข้ามาดูแลคือ บริษัท แพลตินั่มซีนีเพล็กซ์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนกับพันธมิตรท้องถิ่น และผู้ดำเนินธุรกิจภาพยนตร์ในประเทศอินโดนีเซียโดยบริษัทถือหุ้น 70% พันธมิตรอีก 30%ทั้งนี้ บริษัทจะเลือกเปิดโรงภาพยนตร์ในศูนย์การค้าแบรนด์ระดับโลกเท่านั้นเนื่องจากชำนาญในการบริหารธุรกิจ แต่หากมีทำเลที่เหมาะสม อาจเปิดเป็นโรงภาพยนตร์แยกออกมาต่างหาก (สแตนด์อโลน) ส่นประเทศใด ที่มีผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งอยู่แล้วบริษัทจะไม่เข้าไม่ลงทุนแต่อาจจะนำลานโบว์ลิ่งไปเปิดให้บริการแทนล่าสุดบริษัทได้เปิดโรงภาพยนตร์ 7 โรง และลานโบว์ลิ่ง13 เลนส์ ที่เมืองพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ถือว่าเป็นการขยายเข้าไปในเออีซีครั้งแรก เนื่องจากเห็นแนวโน้มการเติบโตที่ดีของธุรกิจโรงภาพยนตร์ รวมถึงกำลังซื้อที่ดี และได้ตั้งเป้าหมายรายได้ปีแรกไว้ 140-150 ล้านบาท เป็นรายได้จากโรงภาพยนตร์ 65% และโบว์ลิ่ง 25% คาดว่าจะคืนทุนได้ภายใน 3 ปีอย่างไรก็ดี บริษัทได้ตั้งเป้าหมายสูงสุด ที่จะมีส่วนแบ่งการตลาดในกัมพูชาถึง 50% ด้วยการลงทุนอีกกว่า 500 ล้านบาท เปิดโรงภาพยนตร์อีก40-50 โรง รวมถึงลานโบว์ลิ่ง โดยปีหน้าจะเริ่มขยายเพิ่มอีก 1 แห่ง ในพนมเปญและเสียมเรียบ และเตรียมจะขยายไปยังลาวอีกด้วย”คนพนมเปญนิยมสิ่งบันเทิงมาก ซึ่งจากประชาชกรกว่า 4 ล้านคน แต่มีโรงภาพยนตร์เพียง 18 โรง ถือว่าไม่เพียงพอ จึงมองว่า ตลาดน่าจะมีศักยภาพที่จะขยายได้ถึง 100 แห่ง แต่ในอินโดนีเซียนั้น อาจจะไม่เข้าไปเปิดโรงภาพยนตร์ เนื่องจากมีเจ้าตลาดรายใหญ่อยู่แล้ว แต่อาจจะนำลานโบว์ลิ่งเข้าไปเปิดให้บริการแทน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เมเจอร์เล็งเปิดโรงหนังทั่วเออีซี

Posts related