นายสันติชัย สารถวัลย์แพศย์ รองอธิบดีกรมการค้าภายใน เปิดเผยว่า  ขณะนี้ได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ติดตามสถานการณ์การอ่อนค่าของเงินบาทอย่างใกล้ชิด เพราะจะมีผลกระทบ ราคาสินค้าที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าวัตถุดิบและสินค้านำเข้าสำเร็จรูปจากต่างประเทศ  เช่น กลุ่มสินค้าที่มีความจำเป็นในชีวิตประจำวันอย่าง เหล็ก ทองแดง สังกะสี สายไฟ ปุ๋ย เป็นต้น  เนื่องจากเกรงว่าพ่อค้าจะใช้ประเด็นเรื่องค่าเงินบาทอ่อนมาเป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้า “การที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าจะมีผลต่อวัตถุดิบนำเข้า หรือสินค้านำเข้าให้มีราคาสูงขึ้น แต่โดยปกติแล้วผู้นำเข้าจะต้องมีสต๊อกสินค้าวัตถุดิบสำรองไว้ประเทศ 1-2 เดือน จึงเชื่อว่าผลกระทบจากค่าเงินบาทอ่อนค่าจะยังไม่มีผลต่อราคาสินค้าทันที แต่อาจจะส่งผลในช่วง 2-3 เดือนข้างหน้าเป็นต้นไป ซึ่งกรมฯ จะติดตามสถานการณ์ในทุกเดือนๆ” นอกจากปัญหาค่าเงินบาทแล้ว ประเด็นที่จะกระทบต่อต้นทุนการผลิตสินค้าอื่นๆ ที่น่าเป็นห่วง เช่น ราคาน้ำมันเชื้อเพลง ค่าไฟฟ้าที่จะมีการปรับขึ้นค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) ต่อหน่วยขึ้น โดยในส่วนนี้จะส่งผลต่อต้นทุนราคาสินค้าประมาณ 1% ซึ่งถือว่ากระทบในอัตราที่น้อย แต่ทางจิตวิทยาแล้วจะถูกใช้เป็นข้ออ้างในการปรับขึ้นราคาสินค้าเช่นเดียวกัน ด้านราคาน้ำมันดีเซลถ้าปล่อยลอยตัวจะกระทบต่อคาขนส่งสินค้าเป็นหลัก ซึ่งจะส่งผลกระทบในวงกว้าง จึงต้องติดตามนโยบายของรัฐบาลอย่างใกล้ชิด นายสันติชัย กล่าวว่า กรมการค้าภายในอยู่ระหว่างดำเนินการศึกษา ทบทวนปรับเปลี่ยนสินค้าควบคุม ซึ่งปัจจุบันมีอยู่ 43 รายการ โดยจะเลือกสินค้าที่ประชาชนใช้ส่วนใหญ่และมีผลต่อค่าครองชีพมาจัดอยู่ในหมวดสินค้าควบคุมและถอนสินค้าที่ไม่จำเป็นออกไป อีกทั้งจะติดตามปัจจัยที่อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าไม่ว่าจะเป็น ค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ค่าไฟ ซึ่งไม่มีผลมากนักแต่อาจจะนำมาเป็นข้ออ้างในการปรับราคาสินค้าได้ รวมถึงค่าเงินบาทที่มีแนวโน้มอ่อนค่าลง แต่ยืนยันว่าในไตรมาสแรกของปีสินค้าจะยังไม่ปรับขึ้นราคาแน่นอน 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : พาณิชย์จับตาบาทอ่อนกระทบสินค้า

Posts related