นายดิเรก ลาวัณย์ศิริ ประธานกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์) เปิดเผยถึงกรณีนายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน จะขอข้อมูลการประมูลโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (ไอพีพี) ปี 56 ได้เลือกให้ บริษัท อินดิเพนเดนท์  พาวเวอร์ ดีเวลอปเมนท์  ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง บริษัท กัลฟ์ เอนเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ และบริษัท มิตซุยแอนด์คัมปะนี (ไทยแลนด์) เป็นผู้ชนะประมูลจำนวน 5,000 เมกะวัตต์เพียงรายเดียวว่า  เรกูเลเตอร์พร้อมที่จะชี้แจงถึงขั้นตอนทุกอย่างที่ดำเนินการมาอย่างโปร่งใส และถูกต้องตามกฎหมาย         สำหรับเงื่อนไขที่กำหนดในเอกสารยื่นประมูล (อาร์เอฟพี) ที่ผ่านมามีการเปิดรับฟังความคิดเห็นให้กับทุกคนที่สนใจร่วมประมูลและทำการเปิดรับฟังผ่านเว็บไซต์ประมาณ 1 เดือน และยังเปิดให้ดูร่างสัญญา (ทีโออาร์) การประมูล ซึ่งมีการปรับปรุงจากความเห็น เป็นกติกาที่ถือว่า เปิดให้ทราบกันล่วงหน้า และปรับแก้ให้ปฏิบัติได้จึงถือว่า เป็นขั้นตอนที่โปร่งใสตั้งแต่ต้น ส่วนผลจากหยุดซ่อมแหล่งเจดีเอ ทั้งระบบ ประเมินในเบื้องต้นว่า ต้นทุนค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ (เอฟที) จะอยู่ที่ 2.02 สตางค์ต่อหน่วย คิดจากค่าใช้จ่ายรวม 1,153 ล้านบาท ซึ่งค่าใช้จ่ายมาจากเชื้อเพลิงดีเซล และน้ำมันเตาเพื่อใช้ผลิตไฟฟ้า บวกกับการซื้อไฟฟ้าจากมาเลเซีย  โดยค่าเอฟทีที่เพิ่มขึ้นจะมีการพิจารณาร่วมกับปัจจัยอื่นอีกครั้งก่อนจะมีการประกาศใช้ในงวดถัดไป คือ ก.ย.-ธ.ค. 57 นายกวิน ทังสุพานิช เลขาธิการสำนักงาน กกพ. กล่าวว่า การยกเลิกสัญญาจะดำเนินการได้หรือไม่คงจะต้องพิจารณาว่ากระบวนการทำมาอย่างถูกต้องเมื่อมีการเซ็นสัญญาซื้อขายไฟฟ้าแล้ว ควรจะต้องเดินตามกฎหมาย หากจะมีการเปลี่ยนแปลงในสัญญา จะต้องมีเหตุผลที่เพียงพอหากกระบวนการต่างๆ เป็นไปตามกฎหมายทุกอย่างก็ต้องเดินตามข้อสัญญาต่อไป และที่สำคัญบริษัทที่ได้รับการคัดเลือกประหยัดค่าไฟตลอดสัญญาได้ถึง 32,000  ล้านบาท หากเลือกรายอื่นก็จะตอบสังคมได้อย่างไร   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ยันประมูลไอพีพีบริษัทร่วมทุนกัลฟ์โปร่งใส

Posts related