นางเบญจาหลุยเจริญ รักษาการ รมช.คลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ สถานการณ์ชุมนุมทางการเมืองที่ยืดเยื้อได้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้รัฐบาลปี 57 ทำให้การจัดเก็บของ 3 กรมภาษีไตรมาสแรกต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้2,834 ล้านบาท เนื่องจากกรมศุลกากรได้รับผลกระทบ ตั้งแต่ช่วงเดือนธ.ค.และแนวโน้มค่าเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้การนำเข้าสินค้าฟุ่มเฟือยลดลง ส่วนกรมสรรพสามิตจัดเก็บได้ลดลงทั้งภาษีน้ำมันและรถยนต์ โดยเชื่อว่าหากสถานการณ์การเมืองหลังวันที่ 13 ม.ค.นี้ จบลงโดยเร็ว แนวโน้มการจัดเก็บรายได้ของ 3 กรมภาษีจะกลับสู่ภาวะปกติได้“ยอมรับว่าสถานการณ์ดังกล่าวได้ส่งผลกระทบต่อการจัดเก็บรายได้เพราะปกติการจัดเก็บรายได้ไตรมาสแรก ถือเป็นช่วงจัดเก็บได้ในระดับที่สูง (ไฮซีซั่น)แต่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเข้ามากระทบ อาจทำให้ภาพรวมการจัดเก็บตลอดทั้งปีไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้โดยมอบหมายให้ 3 กรมภาษี เร่งจัดทำแผนจัดเก็บรายได้ เพื่อรับมือการจัดเก็บที่อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้2.275 ล้านล้านบาท และแผนด้านภาษีเพื่อนำเสนอต่อรัฐบาลชุดใหม่ รวมทั้งเตรียมรับมือกับการชัดดาวน์กรุงเทพฯ13 ม.ค.57 เพื่อเตรียมระบบสำรองเพื่อให้บริการประชาชน หากมีการปิดล้อมหน่วยงานอีกด้วย”อย่างไรก็ตามหากแบ่งตามหน่วยงานไตรมาสแรก พบว่าการจัดเก็บรายได้ของกรมศุลกากรและกรมสรรพสามิตลดลงกว่า10,000 ล้านบาท โดยเฉพาะกรมศุลกากรได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนจากสถานการณ์การเมืองเข้ามากดดัน ทำให้ความเชื่อมั่นในการนำเข้าสินค้าของผู้ประกอบการลดลงส่งผลให้การจัดเก็บต่ำกว่าเป้าหมาย 6,000 ล้านบาท ด้านกรมสรรพสามิตจัดเก็บรายได้ลดลงต่ำกว่าเป้าหมาย 4,000 ล้านบาท โดยคาดว่าหากการเมืองยังคงยืดเยื้อจะส่งผลให้การจัดเก็บภาษีสรรพสามิตทั้งปีลดลงกว่า 50,000ล้านบาท จาก 460,000 ล้านบาท เหลือ 410,000 ล้านบาท โดยมีเพียงกรมสรรพากรสามารถจัดเก็บรายได้ในไตรมาสแรกเกินกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้7,166 ล้านบาท เนื่องจากภาษีนิติบุคคลสามารถจัดเก็บได้เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : รมช.คลังชี้การเมืองกระทบจัดเก็บรายได้

Posts related