รายงานข่าวจากกระทรวงพาณิชย์แจ้งว่า ขณะนี้มีร้านอาหารปรุงสำเร็จรูป เช่น ร้านก๋วยเตี๋ยวในบางพื้นที่ของกรุงเทพฯ ได้มีการปิดป้ายให้ลูกค้ารับทราบว่ามีการปรับขึ้นราคาอีก5 บาทต่อชาม ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 57  จากเดิมราคาต่ำสุดที่ 35 บาท จะเพิ่มเป็น 40 บาทและจากชามละ 40 บาท เพิ่มเป็น 45 บาท เนื่องจากต้นทุนสูงขึ้น ขณะที่บางรายเตรียมจะมีการปรับขึ้นราคาหมูปิ้งและหมูทอดอีกครั้งในช่วงตรุษจีนปลายเดือน ม.ค. นี้จากราคาหมูที่ทะยอยปรับขึ้นราคา   ทั้งนี้ราคาเนื้อหมูที่เริ่มปรับเพิ่มขึ้นทำให้กรมการค้าภายในได้กำหนดราคาประกาศรับซื้อและจำหน่ายสุกรในวันที่2-7 ม.ค. 57 ปรับเพิ่มเช่นกัน โดยราคารับซื้อและราคาจำหน่ายสุกรหน้าฟาร์มไม่ต่ำกว่า68-74 บาทต่อกก. สูงกว่าราคาแนะนำวันที่ 26-30 ธ.ค. 56 ที่ 2 บาทต่อกก.  และราคาจำหน่ายปลีกหมูเนื้อแดงตัดแต่งราคาไม่เกิน 138-148 บาท เพิ่มขึ้น  2-5บาทต่อกก. นายสันติชัย  สารถวัลย์แพศย์  รองอธิบดีกรมการค้าภายใน  กล่าวว่า กรมฯอยู่ระหว่างการศึกษาทบทวนโครงสร้างต้นทุนอาหารปรุงสำเร็จและราคาเมนูอาหารแนะนำเนื่องจากราคาเมนูอาหารแนะนำ ที่กำหนดไว้ 25-35 บาท นั้นได้ดำเนินการมาแล้ว 2 ปีอาจต้องทบทวนให้เหมาะสมกับสถานการณ์และปัจจัยต่อต้นทุนที่เพิ่มขึ้น  ขณะเดียวกันกำลังทบทวนว่าควรจะนำมาตรการควบคุมดูแลอาหารปรุงสำเร็จมาใช้เหมือนสินค้าควบคุมอีก43 รายการหรือยังเพราะขณะนี้ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนว่าอาหารปรุงสำเร็จทั้งภายในห้างและนอกห้างทยอยปรับเปลี่ยนราคาเพิ่มขึ้น อย่างต่ำเมนูละ 5-10  บาท  “เร็วๆนี้จะเชิญสมาคม ตัวแทนร้านค้า ค้าปลีก เครือข่ายร้านธงฟ้า และผู้เกี่ยวข้องมาประชุมหารือและตรวจสอบสถานการณ์ว่าจะร่วมมือกันอย่างไรที่จะดูแลไม่ให้อาหารปรุงสำเร็จราคาสูงจนกระทบต่อผู้บริโภคหลังจากนั้นถึงดูว่าจะดำเนินการกันอย่างไร ควบคู่กับการเพิ่มร้านอาหารธงฟ้าที่มีอยู่เดิมกว่า5,000 รายโดยช่วยเหลือในเรื่องต้นทุนผลิตให้ถูกกว่าร้านอาหารทั่วไป”  ทั้งนี้ในช่วง 2 ปีมานี้ปัจจัยต่อต้นทุนเปลี่ยนไป ทั้งค่าไฟฟ้า ค่าแก๊สหุงต้ม ค่าแรงงาน  แต่ราคาอาหารที่ประชาชนส่วนใหญ่รับได้ในภาวะเศรษฐกิจและกำลังบริโภคไม่ดีนักไม่ควรเกินเมนูละ 35 บาท ซึ่งกรมฯ คงผ่อนปรนเพดานราคา 25 บาท แต่ก็ยังคงราคาเพดานสูงไว้ไม่เกิน35 บาท  แต่ขณะนี้ต้องตรวจสอบก่อนว่าราคาที่ร้านอาหารปรับขึ้นนั้นเหมาะสมจริงหรือไม่หากราคาสูงไปก็คงต้องใช้มาตาการกฎหมายควบคุม ตามม.29ของกฎหมายว่าด้วยราคาสินค้าและบริการระบุไว้หากผู้ค้าสร้างความปั่นป่วนและขายสินค้าเกินราคา จะมีโทษเท่าขายสินค้าทั่วไปเกินราคาโทษจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ   ส่วนการติตตามภาวะราคาสินค้าในช่วงที่จะมีการชุมนุมปิดกรุงเทพฯในวันที่ 13 ม.ค.57 นั้น กรมฯ ได้มีการหารือกับผู้ผลิตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ช่วยดูแลให้สินค้ามีเพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งเชื่อว่าจะไม่มีผลกระทบเพราะปัจจุบัน มีห้างค้าปลีกสมัยใหม่กระจายอยู่ทั่วทุกพื้นที่ประชาชนสามารถเลือกซื้อสินค้าได้ น.ส.กัญญาณัฐ ปราชญ์เรืองไกร เจ้าของน้ำผลไม้ปั่นแอปเปิ้ล สมูลตี้ ภายในกระทรวงพาณิชย์ กล่าวว่า ทางร้านจะยังคงราคาขายเดิมและยังไม่มีกำหนดที่จะปรับเพิ่มราคาขาย  เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ทำให้กำลังซื้อลดลง ยอดขายต่อวันหายไปวันละ 20-30%  ทั้งๆที่ต้นทุนผลิตโดยเฉพาะผลไม้สด ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก ราคาแพงขึ้นขณะนี้ราคาผลไม้สดที่มีราคาสูง คือ เสาวรส แคนตาลูป แอปเปิ้ล   เพราะผู้ค้าผลไม้อ้างต้องปรับราคาจากค่าขนส่งสูงตามราคาน้ำมันและผลผลิตลดลง   นายสมชาติ สร้อยทองอธิบดีกรมการค้าภายใน  กล่าวถึงแผนการดูแลราคาสินค้าในปี 57 หลังจากมาตรการขอความร่วมมือตรึงราคาจะสิ้นสุดในเดือนธ.ค.56 ว่า แนวโน้มราคาสินค้าในปี 57 ในช่วงต้นปีจะยังคงอยู่ในภาวะทรงตัวเนื่องจากปัจจัยที่มีผลต่อราคาสินค้าทั้งวัตถุดิบและค่าแรงงานยังทรงตัวอยู่ในระดับเดิม ขณะที่น้ำมันดิบดูไบคาดว่าจะอยู่ที่ 95-115 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลอัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 29-30 บาทต่อเหรียญสหรัฐและราคาน้ำมันดีเซลในประเทศทรงตัวอยู่ที่ 29.99บาทต่อลิตร จึงไม่มีผลต่อต้นทุนการผลิตและราคาจำหน่ายสินค้า                

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ร้านก๋วยเตี๋ยว-หมูปิ้งแห่ปรับราคารับปีม้า

Posts related