นายยุทธชัย สุนทรรัตนเวชนายกสมาคมท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.) เปิดเผยว่าหากการชุมนุมทางการเมืองยังยืดเยื้อและเพิ่มระดับความรุนแรงและไม่จบภายในเดือนเม.ยนี้ จะทำให้บริษัททัวร์โดยเฉพาะธุรกิจขนาดเล็ก (เอสเอ็มอี)ต้องปิดกิจการลงประมาณ 10-15%จากจำนวนสมาชิกทั้งหมด 430 บริษัทเนื่องจากเป็นกลุ่มที่เลือกทำธุรกิจในช่วงเวลาเพียงสั้นๆได้กำไรหลักในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว(ไฮซีซั่น)เท่านั้นและจะมีเงินหมุนเวียนได้ประมาณ 4-5 เดือนแต่ขณะนี้การชุมนุมยืดเยื้อไปแล้วถึง 3เดือนเงินสภาพคล่องการเงินจึงลดลง รวมถึงในช่วงนี้การจองแพ็กเกจในประเทศยังชะลอตัวเพราะนักท่องเที่ยวต้องติดตามสถานการณ์ก่อนจึงทำให้การรายได้จากแพ็กเกจใหม่ไม่เข้ามาด้วยเช่นกัน “ปัจจุบันธุรกิจท่องเที่ยวแบบโดเมสติกของไทยผู้ประกอบการประมาณ 50%จะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ ที่เปิดบริษัทแบบถาวรและจะอยู่ได้ด้วยตัวเองไม่ว่าเกิดวิกฤตใดๆ และก็จะมีอีก 50%ที่เป็นบริษัทที่เลือกมาเปิดเฉพาะช่วงที่เป็นไฮซีซั่น มีนักท่องเที่ยวมากกลุ่มนี้จะได้รับผลกระทบแน่นอนเพราะจากเหตุการณ์ที่สภาพการเมืองเป็นปกติกลุ่มนี้ก็อยู่ได้ เฉลี่ยเพียง 4 เดือนอยู่แล้ว” นอกจากนี้ การตั้งเป้าหมายของการท่องเที่ยวในประเทศจากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ที่คาดการณ์ว่าปี 57จะมีเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 10ล้านคน/ครั้งนั้นแต่ขณะนี้เริ่มลดลงแล้ว ในช่วง 2เดือนที่ผ่านมาประมาณ 20%รวมถึงประกอบกับเศรษฐกิจของประเทศที่ยังอยู่ในภาวะฝืดเคืองการใช้จ่ายด้านต่างๆยังไม่ดีเท่าที่ควรจึงทำให้คนไทยต้องชะลอเรื่องการท่องเที่ยวที่ไม่ใช่ปัจจัยหลักที่จำเป็นออกไปก่อนอย่างไรก็ตามก็ต้องค่อยติดตามตัวเลขดัชนีชี้วัดด้านสินค้าบริโภคด้วยว่าหากในไตรมาสที่2ยังเพิ่มขึ้นอยู่ก็มีแนวโน้มว่าคนไทยจะยังมีเงินเหลือพอที่จะท่องเที่ยวได้ด้วย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สทน.เผยการเมืองลากยาวส่อบริษัททัวร์เจ๊ง

Posts related