นางศรีรัตน์รัษฐปานะ ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า การส่งออกสินค้าไทยเดือนม.ค. 57 มีมูลค่า17,907 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน1.98%  เนื่องจากปัญหาความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศอาจจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้นำเข้าสินค้าจากประเทศไทย ที่ไม่มั่นใจว่าจะส่งมอบสินค้าได้ทันเวลา เบื้องต้นได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ไปทำความเข้าใจกับประเทศคู่ค้าและผู้นำเข้าให้เข้าใจแล้วว่าไทยไม่มีปัญหาและยังคงทำการผลิตส่งออกได้ตามปกติ รวมถึงกรณีของภาวะภัยแล้ง ที่มีผลต่อผลการผลิตสินค้าเกษตร เป็นต้น ส่วนการนำเข้าในเดือนม.ค. 57 มีมูลค่า 20,428ล้านเหรียญสหรัฐ ลดลง 15.50% เป็นการนำเข้าลดลงในกลุ่มของเครื่องจักรที่ก่อนหน้านี้มีการนำเข้ามามากแล้ว ส่งผลให้เดือน ม.ค. ไทยขาดดุลการค้ามูลค่า2,521 ล้านเหรียญสหรัฐ “ปัญหาความไม่สงบทางการเมืองภายในประเทศอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้นำเข้าบางประเทศที่ไม่เชื่อว่าไทยจะส่งมอบสินค้าได้ทันหรือกระทบต่อการผลิตและโลจิสติกส์  ดังนั้นถือว่าเป็นปัญหาระยะสั้นๆ เพราะผู้ประกอบการไทยสามารถส่งสินค้าได้ตามเวลา  แต่ในระยะยาวยังกังวลการขยายการลงทุนในกลุ่มสินค้าในกลุ่มเทคโนโลยีเช่น สินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ถ้าไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมจะกระทบต่อการส่งออกของไทยในระยะต่อไป” สำหรับการส่งออกที่ลดลงเป็นการลดลงในกลุ่มสินค้าเกษตรและอุตสาหกรรมเกษตร 7.5% สินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ข้าวลด 7.5% ยางพารา ลด 6.8% อาหารทะเลแช่แข็งและแปรรูปลด 2.2% กุ้งแช่แข็งและแปรรูป ลด 34.2% ไก่สดแช่แข็งและแปรรูป ลด 7.6% น้ำตาล ลด 18.8% ขณะที่สินค้าอุตสาหกรรมลด 0.2% สินค้าสำคัญที่ลดลง เช่น ยานยนต์และส่วนประกอบ ลด12.4% วัสดุก่อสร้าง ลด 40.8% ผลิตภัณฑ์ยาง ลด 2.5% อย่างไรก็ตามแม้การส่งออกจะลดลงแต่ภาพรวมพบว่าตลาดส่งออกหลายๆ ตลาดเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น โดยเฉพาะตลาดหลัก ได้แก่ สหภาพยุโรป (อียู)เพิ่มขึ้น 4.6% ญี่ปุ่น เพิ่ม 1.8% สหรัฐฯเพิ่ม 0.4% แต่ตลาดศักยภาพสูง ได้แก่ อาเซียน ลดลง 5% จีน ลด 0.8% ฮ่องกงลด 14% อินเดีย ลด 11.6% ส่วนตลาดศักยภาพรองได้แก่ ทวีปออสเตรเลีย ลด 24.2% ลาตินอเมริกา ลด 3.7% โดยตลาดตะวันออกกลาง เพิ่ม 3.5% แอฟริกา เพิ่ม 0.8% และสหภาพยุโรปใหม่เพิ่ม 3% แหล่งข่าวจากกระทรวงพาณิชย์ แจ้งว่า ในปี 57กระทรวงได้มีการประเมินสถานการณ์ส่งออกในกรณีดีที่สุดว่าจะขยายตัวที่ 5% และกรณีที่เลวร้ายที่สุดคือขยายตัว 3% เท่านั้น แต่ไม่มีการประเมินว่าการส่งออกจะติดลบซึ่งปัจจัยบวกของการส่งออกที่สำคัญที่สุดคือ เศรษฐกิจโลกที่กำลังฟื้นตัวดีและปัจจัยลบคือปัญหาการเมืองภายในที่จะกระทบต่อความเชื่อมั่นความสามารถการส่งสินค้าได้ตรงตามเวลา ทั้งนี้ การส่งออกเดือนม.ค.ยังไม่ส่งสัญญาณเลวร้าย เพราะ มูลค่าการส่งออกที่ 17,907 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับ ม.ค. ของปี 56 พบว่ามีมูลค่ากว่า 18,200 ล้านเหรียญฯ และ ม.ค. 55 มูลค่า เพียง 15,700  ล้านเหรียญฯ  นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศรองผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) กล่าวว่า การนำเข้าเดือน ม.ค. 57 ขยายตัดลดลงถึง 15.5% เนื่องจากการใช้จ่ายและการลงทุนภายในประเทศลดลงทำให้การนำเข้าสินค้าทุนเพื่อมาผลิตสินค้าน้อยลงไปด้วยโดยการใช้จ่ายและการลงทุนที่ลดลง มาจากสาเหตุที่สำคัญคือการลงทุนมีการชะลอออกไปก่อนเพราะไม่มั่นใจปัญหาทางการเมืองที่เกิดขึ้นและฐานการนำเข้าสินค้าของต้นปีที่ผ่านมาสูงส่งผลให้การนำเข้าเดือนม.ค.ชะลอลงค่อนข้างมาก รวมทั้งค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงค่อนข้างมาก ทำให้ต้นทุนทุนการนำเข้าสินค้าทุนและเครื่องจักร มีการนำเข้าที่น้อยลง “ภาพรวมทางเศรษฐกิจของไทยเห็นได้ชัดว่าภาคการท่องเที่ยงได้รับผลกระทบจากการเมืองค่อนข้างมากจากปีที่ผ่านมาขยายตัวได้กว่า 20% แต่เดือน ม.ค.นี้ คาดว่าการท่องเที่ยวจะไม่ขยายตัวเลย หากแยกเป็นการท่องเที่ยวในกรุงเทพฯเพียงอย่างเดียวจะขยายตัวติดลบ แต่ในต่างจังหวัดยังขยายตัวได้เล็กน้อยทำให้ภาพรวมของการท่องเที่ยวยังไม่ขยายตัวติดลบ โดยสศค. คาดว่าปลายปีนี้เศรษฐกิจไทยจะกลับมาขยายตัวดีขึ้นเมื่อสถานการณ์ทางการเมืองกลับเข้าสู่ภาวะปกติ และการส่งออกกลับมาขยายตัวได้ดี”.  

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ส่งออกม.ค.ติดลบ1.98%

Posts related