นายปรีดี ดาวฉาย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า สินเชื่อการค้าระหว่างประเทศหรือเทรดไฟแนนซ์ปรับตัวดีขึ้นเป็นผลมาจากการส่งออกโลกเริ่มฟื้นตัว โดยเฉพาะในกลุ่มประเทศสหรัฐอเมริกาและยุโรป ประกอบกับมีการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 58 ทำให้การค้าขายระหว่างกันขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่วนการปล่อยสินเชื่อภาพรวมยังชะลอตัวลงตามภาวะเศรษฐกิจ จากเดิมคาดว่าสินเชื่อโต 9-11% ขณะที่จีดีพีโต 5% และได้ปรับลดมาเหลือ6- 8% โดยสินเชื่อรายใหญ่เติบโต 8% เอสเอ็มอีเติบโตประมาณ 7.5% และสินเชื่อรายย่อย 6% เนื่องจากประเมินว่าจีดีพีปีนี้จะเติบโตเพียง 1.8% สำหรับลูกค้าที่มีปัญหาการผ่อนชำระธนาคารได้มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างใกล้ชิด เพื่อต้องการรักษาระดับหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้หรือเอ็นพีแอลของธนาคารไว้ที่ 2.2%จากเดิมเอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.1%“สถาบันการเงินเริ่มทยอยปรับลดเป้าสินเชื่อ เพราะรู้ว่าคงไม่ได้ตามแผนที่วางไว้แน่นอนเห็นจากตัวเลขสินเชื่อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาอยู่ภาวะชะลอตัว ทำให้การระดมเงินฝากมีสัดส่วนลดลง เนื่องจากการออกแคมเปญเงินฝากมากเกินไปจะเป็นต้นทุนการดำเนินงานของธนาคารเพิ่มขึ้น ส่วนรายได้จากค่าธรรมเนียมในปีนี้คาดว่าจะโตประมาณ 10% จากปีที่ผ่านมาเติบโต 15%”สำหรับกรณีที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ3แห่ง คือบริษัท ฟิทซ์ เรตติ้ง บริษัท มูดีส์ อินเวสเตอร์เซอร์วิส และบริษัท สแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์ จะมีการทบทวนเครดิตเรตติ้งของประเทศไทย โดยอาจจะมีการปรับลดลง เนื่องจากปัญหาการเมืองที่ยืดเยื้อว่า จะทำให้ต้นทุนการกู้ยืมเงินของทั้งรัฐและเอกชนสูงขึ้น แต่ยังเชื่อว่า บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือจะไม่ปรับลดเรตติ้งของไทย เพราะยังคาดหวังว่าสถานการณ์การเมืองจะจบโดยเร็ว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : อานิสงส์ส่งออกดันยอดเทรดไฟแนนซ์พุ่ง

Posts related