นายธนวรรธน์ พลวิชัย  ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิดเผยว่า ในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ที่กำหนดในวันที่ 2 ก.พ. 57นี้ คาดว่าจะเม็ดเงินเข้ามาหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจจากการจัดทำกิจกรรมของพรรคการเมืองรวมกันประมาณ40,000-50,000 ล้านบาทในกรณีที่ทุกพรรคเข้าร่วมการเลือกตั้งเนื่องจากจะทำให้บรรยากาศในการหาเสียงมีความคึกคักมากขึ้น และสามารถ ช่วยให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปีหน้าในระดับ0.3-0.4%                 “ในปีนี้ประเทศไทยประสบปัญหาเศรษฐกิจซบเซาจนทำให้ภาคการบริโภคในประเทศชะลอตัวตามไปด้วยทั้งๆที่ประชาชนจำนวนมากยังมีเงินเก็บแต่ส่วนใหญ่ไม่กล้าใช้จ่ายเพราะไม่มั่นใจเศรษฐกิจในอนาคตและเรื่องของสถานการณ์ทางการเมืองดังนั้นเมื่อมีการเลือกตั้งของประเทศอย่างน้อยก็จะทำให้เม็ดเงินที่อยู่ในระบบและเงินใต้ดินลงไปถึงมือประชาชนในหลายๆรอบหมุนเวียนกันไปซึ่งจะช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศได้เป็นอย่างดี”                 อย่างไรก็ตามตอนนี้หลายฝ่ายก็กำลังจับตาว่าการเลือกตั้งในครั้งนี้จะคึกคักหรือไม่เพราะหากมีบางพรรคไม่ลงเลือกตั้งโดยต้องการให้ประเทศไทยมีการปฎิรูปก่อนทั้งการปฎิรูปการเมืองสังคม เศรษฐกิจ และการปราบปรามการคอร์รัปชั่นก็จะทำให้การเลือกตั้งไม่คึกคักและคาดว่าจะมีเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ 20,000 ล้านบาทเพราะพรรคการเมืองใหญ่และกลางที่เหลืออยู่จัดกิจกรรมการหาเสียงที่น้อยลง                 ส่วนธุรกิจที่จะได้รับอานิสงค์ในการเลือกตั้งส่วนใหญ่จะเป็นการจัดทำโปสเตอร์,สิ่งพิมพ์, การโฆษณา สื่อวิทยุ โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ เว็ปไซต์,เสื้อผ้าสำหรับทีมงานในการหาเสียง, เครื่องดื่ม, รถยนต์และจักรยานยนต์ในการหาเสียง,เครื่องเสียง และ การจัดอีเวนต์ต่างๆ เป็นต้น             นายธนวรรธน์ กล่าวว่าจากการประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งทางการเมืองในช่วงที่ผ่านมาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ประเมินว่าจะทำให้เศรษฐกิจมีความสูญเสียประมาณ20,000-30,000 ล้านบาท ส่วนใหญ่จะเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติหายไปประมาณกว่า100,000  คนต่อเดือนแต่ทุกฝ่ายแสดงความชื่นชมที่เหตุการณ์ดังกล่าวไม่เกิดเหตุความรุนแรง                 “ตอนนี้ยังคงมองว่าเหตุชุมนุมโดยไม่มีเหตุรุนแรงอาจลากยาวถึงปลายปีโดยเศรษฐกิจไทยปีนี้จะโตประมาณ  3% และคาดว่าในปีหน้าจะขยายตัวในระดับ 4.5%  โดยคาดว่าในปีหน้าภาคท่องเที่ยวจะเป็นตัวหลักในการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศไทยส่วนเศรษฐกิจภาพรวมของไทยน่าจะดีในช่วงไตรมาสที่ 3-4  เพราะต้องรอนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่ที่จะออกมาโดยเฉพาะเรื่องของการลงทุน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เงินสะพัดเลือกตั้ง 5 หมื่นล้าน

Posts related