นายวิกรม   กรมดิษฐ์  รองประธานสภาธุรกิจไทย-จีน  และประธานมูลนิธิอมตะ เปิดเผยว่า  ขณะนี้นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีนคนใหม่มีนโยบายในการส่งเสริมให้นักธุรกิจของจีนซึ่งมีอยู่ 100 ล้านคนไปขยายการค้าและการลงทุนในต่างประเทศมากขึ้น  โดยเฉพาะในประเทศอาเซียนใกล้กับจีน และมีดินแดนที่เชื่อมโยงกัน  ดังนั้นผู้ประกอบการไทยจำเป็นต้องหามาตรการและจัดทำแผนต่างๆในการดึงนักธุรกิจจีนเข้ามาร่วมทุนทั้งอุตสาหกรรม, เกษตรแปรรูป, การค้าขายและบริการ เพื่อนำสินค้าส่งออกไปยังตลาดจีนและตลาดอาเซียนที่มีประชากรรวมกันกว่า 1,900 ล้านคนทั้งนี้ที่ผ่านมาจีนได้เข้ามาลงทุนในประเทศต่างๆที่หลากหลายทั้งการลงทุนในด้านเกษตรกรรมในประเทศลาว กัมพูชา และ พม่า หรือกลุ่มอุตสาหกรรม, การเงิน ที่มีทั้งในอาเซียน และ แอฟริกา ด้วย ซึ่งในส่วนของนิคมฯอมตะนั้นก็เป็นลูกค้าของธนาคารไอซีบีซี ของประเทศจีน เพราะมีอัตราดอกเบี้ยถูกสุดและมีเงื่อนไขไม่มากและที่สำคัญลูกค้าที่เข้ามาตั้งโรงงานในอมตะฯก็มีนักลงทุนจากจีนจำนวนมากเช่นกัน“เชื่อว่าอีก 4-5 ปีข้างหน้านักธุรกิจจีนพร้อมด้วยเม็ดเงินมหาศาลจะทะยอยเข้ามาลงทุนในประเทศต่างๆทั่วโลก ซึ่งอาเซียนจะเป็นเป้าหมายหลัก ดังนั้นผู้ประกอบการไทยควรหาวิธีในการดึงดูดจีน โดยเฉพาะนักธุรกิจคนรุ่นใหม่ที่ค่อนข้างจะได้รับการส่งเสริมให้ขยายธุรกิจในต่างแดนมากขึ้น ดังนั้นหากผู้ประกอบการไทยไม่พร้อมก็จะสูญเสียโอกาสอย่างมาก”นายวิกรม กล่าวว่า  ในปี 60 ประเทศได้ตั้งเป้าเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทยกับอาเซียนจากปัจจุบันที่อยู่ในระดับ 400,000 ล้านเหรียญฯต่อปี เป็น 1 ล้านล้านเหรียญฯต่อปี หรือเพิ่มประมาณปีละ 10 %นายไกรสินธุ์  วงศ์สุรไกร เลขาธิการสภาธุรกิจไทย-จีน   กล่าวว่า ปัจจุบันการค้าขายจีนกับอาเซียนพบว่าจีนมีการค้าขายกับมาเลเซียมากที่สุด รองลงมาเป็น อินโดนีเซีย, สิงคโปร์และ ไทย  หากไม่มีการหามาตรการในการดึงนักธุรกิจจีนมาร่วมทุนในอนาคตอาจทำให้มูลค่าการค้าขายไทยกับจีนถูกประเทศเพื่อนบ้านแย่งสัดส่วนได้ ดังนั้นที่ผ่านมาทางสภาฯ มีนโยบายที่จะนำนักธุรกิจไทยไปพบปะกับนักธุรกิจจีนที่เป็นคนรุนใหม่ตามคำเชิญของรัฐบาลจีน เพื่อปูทางธุรกิจให้นักธุรกิจได้ร่วมทุนในการทำตลาดสินค้าด้วยกัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เตรียมรับนักธุรกิจจีน100ล้านรายลุยลงทุนต่างแดน

Posts related