ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ผ่านมา สมาคมค้าทองคำร่วมกับศูนย์วิจัยทองคำได้จัดงานสัมมนา  2 หัวข้อหลัก “ลงทุนทอง 57 วิกฤติหรือโอกาส” และ “แนวโน้มเศรษฐกิจโลก-ทองปี 57 ฟื้นหรือฟุบ” โดยวิเคราะห์แนวโน้มราคาทองคำผ่านมุมมองจากนักวิชาการและผู้ประกอบการที่คร่ำหวอดในวงการ ให้นักลงทุนได้เรียนรู้เทคนิคและกลยุทธ์การลงทุน เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นได้ในปีม้าที่กำลังจะมาถึง ลุ้นทองต่ำสุด 16,000 บาท  นางพวรรณ์ นววัฒนทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยนอินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด กล่าวว่า ปี 57 เชื่อว่ากรอบราคาทองมีแนวต้านอยู่ที่ 1,420 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หากผ่านไปได้จะอยู่ที่ 1,480-1,520 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ ส่วนแนวรับอยู่ที่ 1,100-1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ แต่ยังมองว่ามีโอกาสลงไปลึกสุด 980 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 16,000 บาท เพราะต้องรอดูท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เกี่ยวกับมาตรการคิวอีอีกครั้ง ซึ่งจะมีการประชุมถึง 8 ครั้ง หากพิจารณาปรับลดคิวอีลงทุกครั้ง จะทำให้สุดท้ายเฟดถอนมาตรการดังกล่าวออกไป ดังนั้นนักลงทุนควรซื้อราคาทองในจุดที่ต่ำและขายในราคาที่สูง พร้อมปรับตัวเล่นทองขาลงเนื่องจากสถิติรอบของทองคำจะแกว่งตัวแคบประมาณ 5-7 ปี ก่อนที่จะปรับตัวขึ้น แนะช้อนไตรมาสแรก  นายบุญเลิศ สิริภัทรวณิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออสสิริส กล่าวว่าในไตรมาสแรก นักลงทุนสามารถเข้าซื้อทองคำได้ เพื่อถือครองทำกำไรในระยะยาวเพราะราคาทองคำจะฟื้นตัว  (รีบาวน์) ในช่วงปลายปี ซึ่งทั้งปี 57 ราคาทองจะอยู่ในกรอบ 1,000-1,500 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 17,500-22,500 บาท โดยค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 31.50-33 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐ ปีม้าทองคำขาลง  นายธนรัชต์ พสวงศ์ กรรมการผู้จัดการบริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ฟิวเจอร์ส จำกัด กล่าวว่า ภาพรวมราคาทองคำทั้งในตลาดโลกและในประเทศปี 57 อยู่ในช่วงขาลง  โดยนักลงทุนสามารถเข้าทำกำไรได้หากราคาทองอยู่ในกรอบ 1,100-1,200 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 17,500-18,500 บาท ถือเป็นช่วงที่ดีที่สุด ภายใต้ค่าเงินบาทเฉลี่ยอยู่ที่ 32.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ที่คาดว่าจะมีแนวโน้มอ่อนค่าต่อเนื่อง จากสถานการณ์ทางการเมืองและการลดวงเงินของมาตรการคิวอี อย่างไรก็ดี ส่วนตัวมองว่าราคาทองคงไม่มีทางต่ำกว่า 1,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์อย่างแน่นอนเพราะมีราคาหน้าเหมืองเข้ามากดดันอยู่   บาทอ่อนอุ้มทองคำ  นายกมลธัญ พรไพศาลวิจิต ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยทองคำ กล่าวว่า ทิศทางของราคาทองคำยังอยู่ในทั้งช่วงที่เป็นวิกฤติและเป็นโอกาสโดยราคาทองคำในปี 57 เชื่อว่าราคาทองจะถึงจุดต่ำสุด แต่ราคาทองคำในประเทศจะไม่ปรับลดอย่างรุนแรงเพราะค่าเงินบาทยังคงอ่อนค่า ซึ่งนักลงทุนสามารถใช้โอกาสเข้าซื้อทองคำตั้งแต่ต้นปีที่ราคาทองยังอยู่ในช่วงขาลง และกลับเข้ามาเทขายในช่วงครึ่งปีหลัง ซึ่งประเมินกรอบ  1,050-1,150 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ หรือบาทละ 16,000-17,500 บาท ลุ้นทองรีบาวน์เดือนก.พ.  นายจิตติ ตั้งสิทธิ์ภักดี นายกสมาคมค้าทองคำ กล่าวว่า ราคาทองมีโอกาสที่จะรีบาวน์ ขึ้นแตะแนวต้านที่ระดับ 1,450 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เนื่องจากช่วงเดือน ก.พ. จะมีประเด็นเรื่องการสิ้นสุดการขยายเพดานหนี้สหรัฐเข้ามากระทบจิตวิทยาการลงทุนอีกครั้ง ส่วนกรอบต่ำสุดอยู่ที่ 1,175 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพราะใกล้เคียงกับราคาทองคำหน้าเหมือง โดยกรอบราคาทองภายในประเทศภายใต้ค่าเงินบาท 32.60 บาทต่อดอลลาร์ จะมีกรอบราคาทองคำที่ 18,000-22,000 บาท   โยกเงินเข้าซื้อหุ้น  นายธนวรรธน์ พลวิชัย รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย กล่าวว่า ช่วงไตรมาสแรก ปี 57 ราคาทองมีแนวโน้มปรับตัวลดลง เนื่องจากนักลงทุนจะย้ายเงินเข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเพราะกลุ่มเศรษฐกิจหลัก ทั้งสหรัฐ ยุโรป ญี่ปุ่น จีน เศรษฐกิจฟื้นตัวและเกิดการลงทุนมากขึ้น แต่เชื่อว่าหลังจากนั้นมองว่าราคาทองจะกลับมาฟื้นได้อีกครั้งตั้งแต่ไตรมาส 3 เนื่องจากทองคำถือเป็นทรัพย์สินที่สามารถถือครองได้ในระยะยาว จะเห็นได้ว่าในปีม้าที่จะมาถึงนี้ ภาพรวมทองคำยังคงเผชิญแรงกดดันจากรอบด้านทั้งในและต่างประเทศ ดังนั้น จึงต้องจับตาสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อปรับกลยุทธ์การลงทุนให้เหมาะสม ไม่ว่าทองจะขาขึ้นหรือขาลง. ทีมเศรษฐกิจ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เปิดกลยุทธ์ช้อนทองคำรับปีม้า

Posts related