นายพัชร สมะลาภา รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า   ในช่วงไตรมาส 1/57 ธนาคารได้ปล่อยสินเชื่อใหม่ให้กับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี 100,000 ล้านบาท เน้นลูกค้ารายเดิมเป็นหลัก   ขณะที่ผู้ประกอบการรายใหม่มีสัดส่วนน้อยลง   เพราะส่วนใหญ่เป็นการขอวงเงินหมุนเวียนมากกว่าวงเงินกู้ในระยะยาว นอกจากนี้ลูกค้าบางรายที่ไม่มีความจำเป็นใช้เงินกู้ได้คืนเงินกู้เป็นจำนวนมากเช่นกัน ทำให้ยอดสินเชื่อในภาพรวมปีนี้ทรงตัวอยู่ที่ 500,000  ล้านบาท  ส่งผลให้ธนาคารปรับลดเป้าการเติบโตสินเชื่อเอสเอ็มอีปีนี้เหลือ 6-8% จากเดิมอยู่ที่ 10-17%   ด้านหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)   ทรงตัวอยู่ที่ 2.80 %  “ช่วงที่ผ่านมาลูกค้าเอสเอ็มอีที่ได้รับผลกระทบจากการชุมนุมทางการเมือง ได้ขอยืดระยะเวลาการชำระหนี้ไปแล้ว 10,000 ล้านบาท และมียอดการชำระหนี้ล่าช้าเพิ่มขึ้น 1,000 ล้านบาท  แต่ยังไม่เข้าเกณฑ์เป็นหนี้เอ็นพีแอล โดยธนาคารได้เข้าไปช่วยเหลือด้วยการยืดหนี้ ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ซึ่งพิจารณาลูกค้าเป็นรายกรณี” สำหรับปัญหาความไม่สงบทางการเมือง และการชะลอตัวของเศรษฐกิจทำให้ ธุรกิจแฟรนไชส์ได้รับผลกระทบในเรื่องของยอดขายเพียงเล็กน้อย เนื่องจากส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค และจากการสำรวจพบว่า ธุรกิจแฟรนไชส์ได้รับผลกระทบเป็นบางพื้นที่เท่านั้น  ดังนั้นในภาพรวมแล้วยังเติบโตดี  ซึ่งในช่วง 3 ปีที่ผ่านมาการให้สินเชื่อธุรกิจแฟรนไชส์มียอดสินเชื่อ  1,296 ล้านบาท จำนวนลูกค้า 477 ราย หนี้เสียน้อยมาก จากมูลค่าตลาดรวมแฟรนไชส์อยู่ที่ 200,000 ล้านบาทหรือเติบโต 20%  นอกจากนี้ธนาคารได้ร่วมกับ 6 หน่วยงาน  เช่น  สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม, บรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม  (บสย.)  กรมพัฒนาธุรกิจการค้า   หอการค้าไทย  สมาคมแฟรนไชส์และไลเซนส์  และ บริษัท  บิสิเนสโค้ชแอนด์คอนซัลติ้ง จำกัด   ช่วยเจ้าของสิทธิ์ หรือแฟรนไชส์ซอร์ และผู้ซื้อสิทธิ์ หรือแฟรนไชส์ซี ให้สามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีศักยภาพ ด้วยการให้ความรู้ คำปรึกษา การสนับสนุนทางด้านการเงิน และสิทธิพิเศษโปรโมชั่นต่าง ๆ แก่ผู้ประกอบธุรกิจแฟรนไชส์เ โดยตรียมวงเงินสินเชื่อสนับสนุนทางด้านการเงิน 1,000 ล้านบาท    นายเวทย์ นุชเจริญ  รองกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกรุงไทย  กล่าวว่า  ผู้ประกอบการที่คืนเงินทุนหมุนเวียนส่วนใหญ่เป็นภาคการเกษตร เนื่องจากผลผลิตยังไม่ออกสู่ตลาด ส่วนเอสเอ็มอีมีสัดส่วนที่น้อย ยกเว้นผู้ประกอบการายใหญ่ที่ยังไม่มีความจำเป็นในการลงทุน เพราะไม่มั่นใจในภาวะเศรษฐกิจจะคืนเงินกู้มากกว่าผู้ประกอบการรายอื่น  แต่ที่เป็นห่วงในช่วงหนี้คือความสามารถในการชำระหนี้  โดยเฉพาะลูกหนี้รายย่อยอาจมีปัญหาบ้างเห็นได้จากตัวเลขหนี้การค้างชำระ 1 เดือนแต่ไม่เกิน 2 เดือนเริ่มมีสัดส่วนเพิ่มขึ้น  ซึ่งพยามยามติดตามลูกหนี้อย่างใกล้ชิด และควบคุมเอ็นพีแอลไม่ได้เกิน 2% จากปกติที่เอ็นพีแอลอยู่ที่ 2.6%  อย่างไรก็ตาม เตรียมพิจารณาปรับทบทวนเป้าสินเชื่อเอสเอ็มอีในปีนี้ใหม่ จากเดิมที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 10-15%  คาดว่าจะได้ข้อสรุปชัดเจนในสัปดาห์หน้า 

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เศรษฐกิจซบลูกค้าแห่คืนเงินกู้

Posts related