ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 56 ภาคเอกชน 7 องค์กรประกอบด้วย สภา หอการค้าแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, สมาคมธนาคารไทย,สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย ได้ประชุมหารือร่วมกันหาทางออกของประเทศไทยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติความขัดแย้งของคนในสังคมที่มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น  นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่าประเทศไทยจำเป็นต้องมีการตั้งคณะทำงานในการปฏิรูปประเทศก่อนที่จะมีการเลือกตั้งครั้งใหม่เพราะเชื่อว่าแม้ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหมจะประกาศยุบสภาแล้วก็ตาม แต่เชื่อว่าคงไม่สามารถแก้ปัญหาความขัดแย้งในประเทศได้เพราะหากเลือกตั้งในตอนนี้โดยไม่มีการปฏิรูปการเมืองเศรษฐกิจ สังคมและการแก้ปัญหาคอร์รัปชั่นก่อน หลายฝ่ายมองว่าวิกฤติความขัดแย้งของคนในประเทศก็จะเกิดขึ้นอีกครั้ง นายวิชัย อัศรัสกร รองประธานกรรมการหอการค้าไทย ระบุว่า ภาคเอกชน 7 องค์กรไม่ใช่เป็นแกนนำในการแก้ปัญหาความขัดแย้งในครั้งนี้แต่ภาคเอกชนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมในการแก้ปัญหาโดยรูปแบบของคณะทำงานในส่วนของภาคเอกชนจะไม่มีใครเป็นประธานโดยจะมีการเชิญให้ทุกฝ่ายเข้ามามีส่วนร่วมในการแสดงความคิดเห็นเพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศมากที่สุดโดยจะไม่เน้นผล ประโยชน์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง สำหรับกลุ่มภาคเอกชนจะเชิญมาร่วมแสดงความเห็นมีทั้งอาจารย์มหาวิทยาลัยภาคเอกชน นักวิชาการ ผู้ทรงคุณวุฒิที่เป็นที่ยอมรับของคนในสังคม และสถาบันพระปกเกล้าเป็นต้น โดยต้องหาข้อยุติให้ได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งใหม่ แต่หากปฏิรูปไม่ทันภายใน 45-60 วันก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ก็อยากให้ทุกฝ่ายหาทางออกเพื่อเลื่อนระยะเวลาการเลือกตั้งออกไปก่อนได้ ส่วนตัวเชื่อว่ากฎหมายยืดหยุ่นได้หากต้องการให้ประเทศชาติมีความสงบสุข ส่วนการปฏิรูปประเทศไทยนั้นภาคเอกชนมองว่าไม่จำเป็นต้องให้ต่างชาติเข้ามามีส่วนร่วมดำเนินการเพราะเชื่อว่าคนไทยสามารถแก้ปัญหาของคนไทยด้วยกันเองได้  นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย  (ส.อ.ท.) กล่าวว่าหลังจากนี้ทาง ส.อ.ท.จะให้สมาชิกทั่วประเทศได้ชี้แจงกับสถานการณ์ทางการเมืองของ ประเทศไทยให้แก่ลูกค้าต่อไปเบื้องต้นให้ยืนยันความเชื่อมั่นกับลูกค้าว่าผู้ประกอบการสามารถผลิตและส่งสินค้าได้อย่างต่อเนื่อง นางปิยะมาน เตชะไพบูลย์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ส.ท.ท.) กล่าวว่า สิ่งสำคัญขณะนี้ควรปฏิรูปหาแนวทางก่อนมีการเลือกตั้ง ซึ่งขณะนี้ต่างประเทศยังไม่มีการประกาศเตือนเดินทางมาท่องเที่ยวเข้ามาในไทยเพิ่มเติม ตอนนี้อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันหาแนวทางที่จะทำให้คนไทยกลับมามีความสุขมีรอยยิ้มเช่นเดิม ซึ่งเชื่อว่า คณะทำงานฯ ชุดนี้ จะมีแนวทางที่ดีที่จะช่วยให้ทุกฝ่ายหาข้อเสนอแนะเพื่อนำเสนอต่อฝ่ายที่เกี่ยวข้องซึ่งอยากขอบคุณทั้ง 2 ฝ่าย ที่พยายามหาแนวทางยุติปัญหา ส่วนเรื่องผลกระทบต่อนักท่องเที่ยวหรือการประมาณการนักท่องเที่ยวในปีหน้าจะมีการแถลงข่าวในวันที่ 20 ธ.ค. นี้ นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลประกาศยุบสภา ยังไม่มีสัญญาณทางเศรษฐกิจดีขึ้น เห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยยังปรับตัวลดลง ซึ่งหากมีการยุบสภา แล้วปัญหาความขัดแย้งยังอยู่ และเศรษฐกิจก็จะยังได้รับผลกระทบต่อเนื่องจนกว่าปัญหาจะคลี่คลายอย่างแท้จริง นายสุรงค์ บูลกุล นายกสมาคมบริษัทจดทะเบียนไทยกล่าวว่า ภาคการลงทุนยังถือว่าไม่ได้รับผลกระทบมากนักเพราะเหตุการณ์การชุมนุมยังไม่รุนแรงไม่มีการเกิดสงครามกลางเมือง แต่ถ้าสถานการณ์การชุมนุมยังมีอยู่ต่อไป และเกิดเหตุความรุนแรง จะส่งผลให้ประเทศไทย เกิดการพลาดโอกาสการค้าการลงทุน ภาคเอกชนเห็นตรงกันว่าการเจรจาเพื่อหาข้อยุติที่คนในประเทศทุกคนยอมรับได้ เพราะการหาบทสรุปที่ต้องเอาประเทศชาติเป็นที่ตั้งถือเป็นวิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้ ไม่เช่นนั้นปัญหาความขัดแย้งก็ยังไม่มีที่สิ้นสุด. ทีมเศรษฐกิจ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนแนะปฏิรูปประเทศไทย หาทางออก ‘เศรษฐกิจเดินหน้า’

Posts related