นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า ในปี 58 เป็นปีที่ภาคเอกชนต้องเร่งปรับตัว เพื่อรับมือปัจจัยลบที่จะมีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกประเทศ โดยเฉพาะภาคส่งออก เพราะฉะนั้นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ จะเป็นตัวสำคัญในการขับเคลื่อน โดยต้องการให้เร่งอัดงบลงทุนขอภาครัฐโดยเร็ว และบริหารจัดการอย่างโปร่งใส  การเปิดตลาดส่งออกใหม่ การผลักดันการค้าชายแดน หากต้องการให้การเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ปีหน้าโตประมาณ 4-4.5% “การส่งออกปีหน้าทางสภาผู้ส่งออกสินค้าทางเรือเองก็มองไว้ว่าจะโตประมาณ 2.5% ถ้าส่งออกโตระดับนี้ก็ยากที่จีดีพี จะโตได้ระดับ 4% เพราะส่งออกคิดเป็น 60% กว่าๆ ในจีดีพีแล้ว แต่หากรัฐเร่งผลักดันองค์ประกอบอื่นๆ เราก็คาดหวังว่า จะดีขึ้น โดยสิ่งที่รัฐต้องเร่งดำเนินการ คือการอัดงบประมาณที่เป็นไปตามมาตรการที่วางไว้ให้เกิดการปฏิบัติอย่างรวดเร็วและโปร่งใส ซึ่งต้องยอมรับว่า การอัดฉีดงบประมาณที่วางไว้ไตรมาสสุดท้ายปีนี้รวมกว่า 3.6 แสนล้านบาทนั้น คาดว่าจะเบิกจ่ายจริงไม่เกิน 1 แสนล้านบาท เพราะการจัดซื้อจัดจ้างใช้เวลา ซึ่งเมื่อรัฐมีการเบิกจ่ายจุดนี้ได้ก็จะทำให้การบริโภคภายในประเทศเพิ่มขึ้นไปด้วย” สำหรับตลาดการส่งออกใหม่ ที่น่าสนใจ คือ รัสเซีย  เพราะขณะนี้ไทยส่งออกไปประมาณ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้โอกาสยังมีอีกมาก รวมทั้งตลาดบราซิล เปรู ชิลี ซึ่งต้องรวมถึงการเจรจาเขตการค้าเสรี (เอฟทีเอ) กับประเทศต่างๆ ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด  เนื่องจากตลาดหลัก ทั้งยุโรป สหรัฐอเมริกา จีน หรือแม้แต่ญี่ปุ่นเอง  สถานการณ์แต่ละประเทศยังไม่ดีนัก และต้องติดตามสถานการณ์ปัญหาความขัดแย้งในตะวันออกกลางต่อไป ขณะเดียวกันยังต้องผลักดันตลาดสินค้าชายแดนด้วย   

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชนแนะรัฐเร่งเบิกจ่ายกู้ศก.

Posts related