นายวชิร  คูณทวีเทพ ผู้ช่วยผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย  เปิด เผยว่า ขณะนี้มีประชาชนและผู้ประกอบการเริ่มทยอยซื้อสินค้ากักตุนไว้จำนวนหนึ่งส่วน ใหญ่จะเป็นสินค้าประเภทอาหาร เนื่องจากหลายรายกังวลว่าสถานการณ์ทางการเมืองอาจมีความรุนแรงเหมือนกับ เหตุการณ์ในปี 53 ที่นำไปสู่การประกาศกฎอัยการศึก จนทำให้คนในเมืองหลวงและเมืองใหญ่ๆตื่นตระหนกแย่งซื้ออาหารในซุบเปอร์มาเก็ต มาเก็บไว้จำนวนมาก “สอด คล้องกับผลสำรวจของศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชุมนุมพบว่าการบริโภคและการซื้อ สินค้าของประชาชนจะมีเพิ่มขึ้นถึง 22.5% แม้ว่าจะเป็นสัดส่วนที่น้อยกว่าปริมาณบริโภที่ซื้อสินค้าในระดับน้อยลงหรือ เท่าเดิม แต่ก็เป็นที่น่าสังเกตุว่าเริ่มมีการซื้อสินค้าตุนไว้บ้างแล้ว ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่อาศัยในกรุงเทพฯและเมืองใหญ่ที่มีการต่อต้านพ.ร.บ. นิรโทษกรรมกันมากๆ” ทั้งนี้แม้ว่าชาวบ้านและผู้ประกอบการบางส่วนจะมีการกักตุนสินค้าแต่ก็ถือว่ายังอยู่ในระดับที่ไม่มากจนทำให้สินค้าต้องขาดแคลน ส่วนใหญ่สินค้าที่เริ่มกักตุนจะเป็นอาหารสำเร็จรูป, น้ำมันพืช เพื่อไว้รับประทานเองเนื่องจากเก็บไว้ได้นาน  ส่วนการซื้อมาเพื่อหวังเก็งกำไรในช่วงนี้คงมีน้อยมาก นาย วชิร กล่าวว่า ยอมรับว่าในช่วงที่เศรษฐกิจชะลอตัวประกอบกับปัญหาทางการเมืองเริ่มมีความขัด แย้งมากขึ้นยิ่งทำให้การบริโภคโดยรวมของประเทศชะลอตัวมากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของปัญหาสินค้าเกษตรที่ตกต่ำทั้งข้าวที่อยู่นอกโครงการรับ จำนำ  ยางพารา  ข้าวโพด มันสำปะหลัง รวมถึงกลุ่มที่มีอาชีพรับจ้างทั่วไปที่ไม่ใช่พนักงานประจำ ก็มีรายได้ที่ทรงตัวและลดลง ส่งผลให้เกิดการชะลอการใช้จ่ายลงเช่นกัน นอกจากนี้หลายรายที่ซื้อรถยนต์ในโครงการรถยนต์คันแรกของรัฐบาลประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งกลุ่มนี้ก็จะประสบปัญหาเรื่องของสภาพคล่องจำเป็นต้องประหยัดรายจ่ายที่ ไม่จำเป็นลง เพื่อจะนำเงินไปผ่อนรถยนต์เดือนละ 7,000-8,000 บาท ในส่วนของการเมืองนั้นหากรัฐบาลไม่สามารถหาทางออกได้ก็จะส่งผลของการบริโภค ในประเทศต่อไปแน่นอน แต่หากสามารถเจรจาและหาข้อยุติได้เชื่อความเชื่อมั่นของผู้บริโภค เชื่อว่าในเดือน พ.ย. และ ธ.ค. น่าจะไม่ลดต่ำลงกว่าในเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากในเดือน พ.ย. จะมีเทศกาลลอยกระทง และเดือน ธ.ค. ก็จะมีวันหยุดเยอะรวมทั้งมีเทศกาลคริสมาสและปีใหม่ ที่จะทำให้ประชาชนมาจับจ่ายใช้สอยกันจำนวนมาก สำหรับเศรษฐกิจภาพรวมของประเทศนั้นศูนย์ฯได้ประเมินในปีนี้ว่าในปี 56 เศรษฐกิจจะขยายตัว 3.5% โดยกลุ่มที่ช่วยพยุงให้เศรษฐกิจไม่ต่ำลงกว่านี้มาจากการท่องเที่ยว และกลุ่มการค้าชายแดน เพื่อชดเชยการส่งออกและการบริโภคที่ลดลง ผู้สื่อข่าวรายงานว่าก่อนหน้ามีการส่งข้อความแชร์ทางไลน์และทางเฟสบุคว่า ขอแจ้งข่าวให้ประชาชนตุนอาหารไว้บ้างเพราะขณะได้มีข่าวว่าได้มีการเกณฑ์ชาย ฉกรรจ์จากต่างจังหวัดจำนวนมากเข้ากรุงเทพฯ เพื่อต่อต้านคนที่ออกมาคัดค้านพ.ร.บ. นิรโทษกรรม รวมถึงคนที่มาต่อต้านรัฐบาล เพราะหากมีการปะทะกันอาจทำให้เกิดความวุ่นวายในประเทศได้ โดยเฉพาะในพื้นที่กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมต่อต้าน อย่างไรก็ตามข่าวดังกล่าวเป็นเพียงความวิตกกังวลเท่านั้นซึ่งอาจไม่เป็นความ จริงก็ได้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แห่ซื้อสินค้ากักตุนหวั่นการเมืองแรง

Posts related