สืบเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา (10 ก.ค 57) หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ออกคำสั่งฉบับที่ 89/2557 ให้ “ประภัสร์ จงสงวน” ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยพ้นจากตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมมากยิ่งขึ้น โดยมีผลตั้งแต่หลังการออกคำสั่งฉบับดังกล่าวทันทีวันนี้ (11 ก.ค.)  “เดลินิวส์ออนไลน์” ได้สัมภาษณ์นายประภัสร์ จงสงวน อดีต ผู้ว่ารฟท. ว่าขณะนี้วางแผนการดำเนินชีวิตอย่างไรต่อไปหลังพ้นตำแหน่ง ผู้ว่า รฟท.  นายประภัสร์ กล่าวว่า การดำเนินชีวิตหลังจากนี้ยังไม่ได้วางแผนจะทำอะไรต่อไป อาจจะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และของดแสดงความคิดเห็นในขณะนี้ เพราะทุกอย่างได้จบลงแล้ว อีกทั้งการทำหน้าที่ของตนก็ได้จบลงเช่นกัน แต่ในความเป็นจริงปัญหาที่เกิดขึ้นต้องได้รับการแก้ไขก่อนซึ่งจะมีประโยชน์อะไรที่ตนจะแสดงความคิด นอกจากนี้ยังเปรียบเปรยให้เห็นว่า การทำงานในส่วนของตนเองก็มีลักษณะคล้ายกับการเล่นลิเก เมื่อลิเกเล่นจบ ทุกอย่างก็ต้องจบต่อข้อถามว่ารู้สึกอย่างไรเมื่อทราบว่าตนเองถูกสั่งปลดจากตำแหน่งผู้ว่า รฟท. นายประภัสร์หยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบสั้นๆ ว่า “ไม่มีความรู้สึก รู้สึกเฉยๆ เพราะเป็นความรู้สึกส่วนตัว” สำหรับประวัติ นายประภัสร์ จงสงวน จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาจากโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียนวิทยาลัย และเข้าศึกษาต่อที่ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จนจบการศึกษาระดับปริญญาตรีเมื่อ พ.ศ. 2521 จบการศึกษาระดับปริญญาโท สาขาอาชญวิทยา จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนียสเตท (California State University) สหรัฐอเมริกา เมื่อ พ.ศ. 2524ส่วนประวัติการทำงาน-เวลา 18.50 น. (10กรกฎาคม 2557) มีคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)ฉบับที่ 89/2557 เรื่องการให้ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย พ้นจากตำแหน่ง เพื่อให้การปฏิบัติงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นไปด้วยความเรียบร้อย และเหมาะสมยิ่งขึ้น หัวหน้าคสช.จึงมีคำสั่งให้นายประภัสร์ จงสงวน พ้นจากตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป สั่ง ณ วันที่ 10 ก.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. -พ.ศ. 2555 ได้ลาออกจากตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรี และลงสมัครตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งคณะรัฐมนตรีแต่งตั้งประภัสร์ให้ดำรงตำแหน่งผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย เมื่อ 12 พฤศจิกายน 2555 -พ.ศ. 2554 พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ประภัสร์เข้ามารับตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระรวงคมนาคม -พ.ศ. 2551ระหว่างดำรงตำแหน่งเป็นผู้ว่าการฯรฟม.ได้รับการทาบทามจากพรรคพลังประชาชนให้ลงสมัครในการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2551ในนามของตัวแทนจากพรรคพลังประชาชน ซึ่งประภัสร์ต้องลาออกจากการเป็นผู้ว่าการฯรฟม. ในการเลือกตั้งครั้งนั้น ประภัสร์ได้รับเลือกด้วยคะแนนเสียง 543,488 คะแนน มากเป็นลำดับสองรองจากอภิรักษ์ โกษะโยธิน จากพรรคประชาธิปัตย์-ดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุดของรฟม. ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 – 2551 -ปี พ.ศ. 2528 เข้าทำงานที่การทางพิเศษฯ ในตำแหน่งนิติกร 7 และได้ขึ้นเป็นผู้อำนวยการกองนิติการ ในอีก 3 ปี ซึ่งในตำแหน่งนี้เอง ผลงานของประภัสร์เป็นที่โดดเด่นอย่างมาก จนรัฐบาลได้ยืมตัวประภัสร์เป็นหนึ่งในทีมที่ปรึกษาของรองนายกรัฐมนตรีสมัคร สุนทรเวช ในด้านระบบขนส่งมวลชน สมัยรัฐบาลชวน 1โดยทำงานที่การทางพิเศษฯ จนได้ขึ้นเป็น รองผู้ว่าการฝ่ายกฎหมายและจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน เป็นตำแหน่งสุดท้าย จนถึง ปี พ.ศ. 2540 ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้อำนวยการองค์การรถไฟฟ้ามหานคร(รฟม.) รับผิดชอบงานโครงการสร้างรถไฟฟ้าใต้ดินในวัยเพียง 42 ปี  ทำงานที่สำนักงานกฎหมาย ดร.อุกฤษ มงคลนาวิน ซึ่งส่วนใหญ่ได้ทำคดีเกี่ยวกับภาครัฐ โดยเฉพาะกับการทางพิเศษแห่งประเทศไทย

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “ประภัสร์” เปิดใจเมื่อลิเกเล่นจบทุกอย่างก็ต้องจบ

Posts related