6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ

พบกับ ธุรกิจออนไลน์ รูปแบบต่างๆ ที่คุณก็สามารถเริ่มต้นได้ด้วยตัวคุณเอง

ทำไมต้องเป็น ธุรกิจออนไลน์

ปัจจุบัน Internet เข้ามามีบทบาทอย่างมากกับวิถีชีวิตของคนทั่วโลก Internet ทำให้คุณติดต่อสื่อสารกับคนอื่นได้อย่างรวดเร็วขึ้น และมีค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่าการสื่อสารรูปแบบเดิมๆ

นอกจากนี้ Internet ยังเปิดโอกาสให้คุณได้เลื่อกซื้อสินค้า จับจ่ายใช้สอย หยิบเงินออกจากกระเป๋าได้ง่ายขึ้น สามารถหาซื้อสินค้าที่คุณต้องการได้ทุกที่ ทุกเวลา และจากทั่วทุกมุมโลก

แต่ Internet ยังมีอีกหนึ่งบทบาทสำคัญ สำหรับคนที่อยากเริ่มต้นทำธุรกิจส่วนตัว เพราะคุณสามารถสร้างธุรกิจบนโลก Internet ได้ด้วย ไม่ใช่แค่เช่าพื้นที่ และเปิดหน้าร้านแบบเดิมๆ เพียงอย่างเดียว

จึงทำให้ทุกวันนี้ ธุรกิจออนไลน์ แพร่หลายเป็นอย่างมาก เพราะ Internet ได้ทลายข้อจำกัดบางอย่างของ ธุรกิจออฟไลน์ หรือธุรกิจในรูปแบบเดิมๆ เช่น คุณสามารถโชว์สินค้าที่หน้า Website ได้อย่างไม่จำกัด ต่างจากร้านของคุณซึ่งมีพื้นที่จำกัด

รูปแบบของ ธุรกิจออนไลน์

การทำธุรกิจออนไลน์ ก็ยังมีการแบ่งประเภทเป็นหลายรูปแบบ ไม่ใช่มีแค่เพียงเปิด Website เพื่อขายสินค้าเพียงอย่างเดียว การมองถึงแค่ขายสินค้าทาง Internet เป็นการมองศักยภาพของ Internet ไว้ต่ำมาก

คุณยังสามารถใชั Internet ในการโฆษณาประชาสัมพันธ์ หรือสร้างแฟนคลับของคุณเอง หรือแม้แต่ทำให้ผู้ซื้อ กับผู้ขายมาเจอกันใน Website ที่คุณสร้างขึ้นก็เป็นได้ โดยรูปแบบของธุรกิจออนไลน์ ที่แพร่หลาย แบ่งเป็น 6 รูปแบบ ที่สำคัญ ดังนี้

1. Website ขายสินค้า

รูปแบบของการขายสินค้าผ่าน Website เป็นรูปแบบที่ง่ายที่สุด พื้นฐานที่สุด และทุกคนคุ้นเคยที่สุด ซึ่ง Website ที่คนรู้จักดีว่าเป็น Website ขายสินค้าที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็คือ amazon.com

การขายสินค้าผ่าน Website มีข้อดีตามที่บอกในข้างต้นนั่นคือ คุณสามารถโชว์สินค้าทุกรายการที่คุณมีอยู่ในมือได้ โดยไม่ต้องกลัวว่า พื้นที่ใช้สอยจะไม่พอ เพราะคุณใช้พื้นที่ในโลกไซเบอร์ได้ โดยไม่มีข้อจำกัด

ส่วนสินค้าที่คุณนำมาขาย ก็ไม่จำเป็นต้องเป็นสินค้าที่คุณผลิตเอง คุณสามารถรับสินค้ามาจากผู้ผลิตรายอื่น ขอแค่คุณมีไอเดียในการนำเสนอสินค้าที่ดี ทำหน้าเวปให้สวยงาม และเปิดง่าย โหลดไม่นาน ไม่นำ Flash มาใส่

และยังมีสิ่งสำคัญอีกอย่างหนึ่ง คือ Website ของคุณต้องเปิดได้ตลอดเวลา ไม่ใช่ดับๆ ติดๆ อยู่ดีๆ ก็โดน Hack ลูกค้าคงจะเสียอารมณ์เปล่าๆ คุณจึงจำเป็นต้องหา Web Hosting ที่มีคุณภาพสูง มีความปลอดภัย และเสถียรภาพ อย่าง Bluehost.com หรือ Hostgator.com แค่นั้นก็ทำให้ Website ของคุณน่าสนใจแล้ว

2. Website เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์

คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่มีธุรกิจที่เป็นแบบ ออฟไลน์ หรือมีหน้าร้านของคุณเองอยู่แล้ว แต่คุณต้องการที่จะ โฆษณาประชาสัมพันธ์สินค้าของคุณ รูปแบบนี้เป็นอีกรูปแบบที่ทรงพลังมากในการ ช่วยเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจที่เป็นแบบ ออฟไลน์ ของคุณ

จากตัวอย่างในรูปนั้น เป็น Website ของ บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ www.scg.co.th จะเห็นได้ว่า Website ของ SCG ไม่มีการขายสินค้าแม้แต่น้อย

แต่จะเน้นไปที่ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ ให้บอกว่า SCG คือ อะไร ทำอะไร ขายอะไร และจะติดต่อกับ SCG ได้อย่างไร ถ้าคุณจะทำ Website เพื่อการโฆษณาประชาสัมพันธ์ วิธีที่จะทำให้ Website ดูน่าสนใจ คือ ให้คุณเพิ่มเติมเนื้อหาที่ ให้ความรู้กับคนที่เข้ามาอ่านด้วย

3. Website ข่าวสารในวงเฉพาะ หรือเล่าเรื่องแบบมี Theme

คุณอาจจะเป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า ไม่ชอบการขายสินค้า แต่มีงานอดิเรกที่น่าสนใจ มีข่าวสารที่อยากจะเผยแพร่ หรือมีความรู้บางอย่างที่อยากจะบอกให้คนอื่นรู้ คุณก็อาจจะเริ่มต้นสร้างธุรกิจด้วยการ ทำ Website ข่าวสารในวงเฉพาะ หรือเล่าเรื่องแบบมี Theme ได้

Website ที่เป็นตัวอย่างของรูปแบบนี้ที่เรายกมา คือ drama-addict.com ซึ่งมีรูปแบบธุรกิจที่น่าสนใจมาก นั่นคือ รู้ธรรมชาติของคนไทย ที่ชอบการซุบซิบ นินทา เรื่องของคนอื่น รวมไปถึง ชอบดูคนทะเลาะกัน ก็มีการนำเสนอเรื่องราวเหล่านี้ ในรูปแบบของข่าว และให้ผู้อ่านตามไปดู

ซึ่งหลายคนอาจจะมีคำถามว่า แล้ว Website รูปแบบนี้ ได้เงินจากที่ไหน จะทำไปทำไม คำตอบของคำถามเหล่านี้ คือ เหมือนสื่อประเภทอื่นๆ นั่นคือ ค่าโฆษณา Website เหล่านี้อาจจะได้เงินจาก พิ้นที่โฆษณา Banner ที่ขายให้ Sponsor หรืออาจจะเป็น Adsense ก็เป็นได้

4. Blog เพื่อการ รีวิว และโปรโมทสินค้า

รูปแบบ Blog เพื่อการ รีวิว และโปรโมทสินค้า อาจจะเป็นรูปแบบที่ ไม่ค่อยได้เห็นมากนักในประเทศไทย แต่นี่เป็นอีกรูปแบบหนึ่งที่ทรงประสิทธิภาพมาก และสร้างรายได้มหาศาลได้เลยทีเดียว แต่มันก็ยากที่จะทำได้สำเร็จ และมีน้อยคนที่จะทำได้

ตัวอย่างที่เรานำมาโชว์ คือ www.smartpassiveincome.com ซึ่งเป็น Website ของนาย Pat Flynn อดีตสถาปนิก ชาวอเมริกัน ที่โดนให้ออกจากงาน ในช่วงวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐ เลยผันตัวเองมาสร้าง Website เพื่อขายสินค้าก่อน และสร้าง Website นี้ขึ้นมา

เพื่อบอกเล่าเรื่องราวการสร้างธุรกิจออนไลน์ ของตัวเค้าเอง และเขียนรีวิว ในสิ่งที่เค้าคิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการสร้างธุรกิจของเค้า โดยเค้าจะได้เงินทุกครั้งที่มี คนเข้าไปซื้อสินค้าที่เค้า ทำรีวิวไว้ ฉะนั้น ยิ่งมีคนดูรีวิวเยอะ ก็ยิ่งมีโอกาสที่จะซื้อสินค้าเยอะตามไปด้วย

5. สร้าง Marketplace

รูปแบบอีกอย่างของการทำธุรกิจบน Internet คือ การสร้าง Marketplace เช่น ebay แต่วันนี้ขอให้คุณนึกภาพตามว่า สมมติคุณเป็นคนที่ชอบเครื่องเสียง มันก็คงจะดี ถ้าวันนึงมีคนเปิด Website ที่ให้คุณแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และซื้อขายของสินค้าที่เกี่ยวกับเครื่องเสียง

แต่ทำไมคุณไม่เป็นคนสร้าง Website แบบนี้ขึ้นมาเองล่ะ การสร้าง Website ลักษณะนี้ เรียกว่า การสร้าง Marketplace หรือตลาดให้คนมาซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้ากันได้ ตัวอย่างที่ชัดที่สุดในแง่ของสินค้าทั่วๆ ไป ที่ไม่ได้มีกลุ่มเฉพาะ และอยู่ในประเทศไทย คงเป็น tarad.com

ที่เป็นตัวกลางที่ คนอยากซื้อ กับคนอยากขายมาเจอกัน แต่ถ้าคุณจะสร้าง Marketplace ขึ้นมาเอง คุณอาจจะเลือกสร้าง Website ที่เป็นกลุ่มเฉพาะ เช่น ซื้อขายคอนโด เครื่องเสียง หูฟัง รองเท้ากีฬา หนังสือเก่า พระเครื่อง หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่คุณมีความรู้ และความรักในสิ่งเหล่านี้

ซึ่งคุณสามารถให้ความเห็นที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสินค้าได้ เช่น วิธีการดูอันไหนของจริง อันไหนของปลอม สามารถให้ราคากลางได้ เป็นต้น

6. เป็นส่วนหนึ่งของ Marketplace

ธุรกิจออนไลน์ รูปแบบสุดท้ายที่จะถูกนำเสนอ คือ ทำตัวคุณให้เป็นส่วนหนึ่งของ Marketplace อาจจะขายสินค้าทั่วๆไปก่อน จนจับแนวทางของตัวเอง หรือของตลาดได้ว่า ควรจะขายสินค้าอะไรเป็นหลัก

ถ้าวันนี้คุณมีความรู้ในเรื่องราวเกี่ยวกับกลุ่มเฉพาะที่กล่าวมาในข้อ 5 และคิดว่า สร้าง Marketplace เองมันยากเกินความสามารถของคุณ คุณก็เลือกที่จะเป็นส่วนหนึ่งของ Marketplace นั้นๆก่อน ซึ่งง่ายกว่ามาก

โดยการนำสินค้ามาขายใน Website ที่เป็น Marketplace นั้น เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับตัวคุณ ร้านของคุณ หรือแม้แต่ธุรกิจของคุณเอง ในอนาคตคุณก็สามารถยกระดับจาก เป็นส่วนหนึ่งของ Marketplace เป็นการเปิด Website เพื่อขายสินค้าด้วยตัวเองเพิ่มเติมได้อีกด้วย

Posts related