ฝนที่กระหน่ำ จ.ระนอง บางส่วนของ จ.เชียงใหม่ และบางพื้นที่ของ จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 12–13 ก.ค.ที่ผ่านมา เป็นเพราะมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามันและอ่าวไทย ขณะเดียวกัน มีหย่อมความกดอากาศต่ำที่ประเทศเวียดนามตอนบนและอ่าวตังเกี๋ย เป็นตัวการให้ภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก มีฝนตกหนักบางพื้นที่ ทะเลอันดามันตอนบน ตั้งแต่จังหวัดภูเก็ตขึ้นมา ก็คลื่นแรง สูง 2-3 เมตร เพิ่มเติมข้อมูล ความกดอากาศต่ำ หรือมรสุม ปรากฏที่ไหน ให้เข้าใจได้เลยว่า ต้องเจอกับฝนตกหนัก ภาวะฝนตกหนัก ที่อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก แท้จริงเป็นฝนที่ตกช่วง 2 วัน เพียงแต่มีปริมาณมาก บางพื้นที่มากกว่า 150 มม. แต่หลังจากนั้น ก็ได้พัก 2 วัน วันที่ 15-16 ก.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ จะมีกำลังอ่อนลง คลื่นลมในอ่าวไทยและทะเลอันดามันก็จางลงด้วย แต่คลื่นยังสูง ถัดมาอีก 3 วัน วันที่ 17-19 ก.ค. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ มีกำลังแรงขึ้นอีก จึงคาดว่า ประเทศไทยจะมีฝนเพิ่มขึ้น คลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะแข่งกันมีคลื่นสูง กรมอุตุนิยมวิทยา จึงออกคำเตือนว่า วันที่ 17-18 ก.ค. ขอให้ประชาชนทางภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน ระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัด ระวัง เรือเล็กในทะเลอันดามัน และอ่าวไทยตอนบน ให้งดออกจากฝั่งทั้ง 2 วัน ชำนาญแค่ไหนก็ไม่ควรเสี่ยง นับจากนี้ไปเป็นเวลา 2 เดือนครึ่ง บริเวณประเทศไทยตอนบน คือนับจากก้นอ่าวไทยขึ้นไป จะมีฝนเพิ่ม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกคำคาดหมายลักษณะอากาศฤดูฝนปีนี้ โดยชี้แจงว่า นับแต่ครึ่งหลังเดือน ก.ค. จนถึงเดือน ก.ย. มรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ลมประจำฤดูฝนของเมืองไทย จะมีกำลังแรงขึ้น จังหวะเดียวกัน ร่องมรสุมที่เลื่อนออกไปอาละวาดประเทศทางตอนเหนือ เช่น เมียนมาร์ ลาว จนถึงจีนตอนใต้ ตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย. จะคืนสู่ประเทศ คำว่า มรสุม อยู่แถวไหน ไปถึงที่ใด ก็เอาฝนฟ้าคะนองไปรังควาน ดังนั้น เมื่อร่องมรสุมย้อนกลับมา ขณะที่ มรสุมตะวันตกเฉียงใต้มีกำลังแรง ก็น่าจะทำให้ฝนมากขึ้น กรมอุตุฯ บอกว่า ประเทศไทยตอนบนมีฝนตกชุกหนาแน่น เป็นฝนกระจายถึงเกือบทั่วไป และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่ ก่อให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่งในบางพื้นที่ ส่วนคลื่นลมในทะเลอ่าวไทยบริเวณภาคตะวันออกจะมีกำลังแรง ความสูงของคลื่น 2-4 เมตรในบางช่วง อย่างไรก็ดี ฝนที่ตกในขณะนี้ จะมีปัญหาก็เพียงแค่ระบายไม่ทันและเกิดน้ำท่วมฉับพลันหรือน้ำป่าไหลหลากเป็นจุด ๆ ที่จะท่วมทุ่งทั่วภาคกลาง อย่างปี 54 ไม่น่าจะมีได้ ตอนนี้น้ำในอ่างเก็บน้ำหลัก ทั้งเขื่อนภูมิพลและสิริกิติ์ แห้งขอดด้วยกัน สามารถรองรับได้อีกหลายหมื่นล้านลูกบาศก์เมตร คนภาคกลางกับกรุงเทพฯ วางใจไปได้อีก 1 ปี. หยาดน้ำฟ้า

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ครึ่งหลังเดือนกรกฎาคม – รู้หลบ

Posts related