นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่าสมาคมฯได้หารือร่วมกับกรมการค้าต่างประเทศเพื่อหามาตรการในการรองรับผลผลิตข้าวเปลือกนาปี ฤดูกาล 57/58ซึ่งเป็นข้าวเปลือกฤดูกาลใหม่ที่กำลังจะทยอยออกมาในช่วงเดือนต.ค.นี้เบื้องต้นเห็นร่วมกันว่าจะต้องหาตลาดส่งออกข้าวมารองรับผลผลิตข้าวเปลือกนาปีโดยภาครัฐและเอกชนจะทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิดในการไปเจรจาขายข้าวในตลาดต่างประเทศสำหรับประเทศที่จะเป็นตลาดในการไปเจรจาขายข้าวนั้นได้หารือไว้มี 4 ประเทศ คือจีน มาเลเซีย อินโดนีเซีย และฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นตลาดซื้อข้าวของไทยโดยลักษณะรูปแบบการเจาะตลาดจะแบ่งเป็น 2 กลุ่ม คือ ฟิลิปปินส์และอินโดนีเซียจะให้เอกชนเป็นตัวนำในการเจรจาหรือร่วมประมูลขายข้าวให้กับทั้งสองประเทศนี้และรัฐเป็นสนับสนุนให้เอกชนเข้าไปทำตลาด ส่วนจีนและมาเลเซียรูปแบบการขายข้าวจะเป็นการเจรจารัฐต่อรัฐ(จีทูจี)โดยมีภาครัฐเป็นตัวนำในการเจรจาขายข้าวและเอกชนสนับสนุนในการอำนวยความสะดวกให้กับภาครัฐ“หากใช้วิธีนี้ เชื่อว่าไทยจะส่งออกข้าวไปยังตลาดเหล่านี้ได้มากขึ้นอย่างมาเลเซีย และจีน ก็มีการซื้อขายข้าวผ่านรัฐอยู่แล้วเมื่อได้คำสั่งซื้อมาเอกชนจะสนับสนุนเป็นผู้ปรับปรุงข้าวและส่งออกให้ส่วนฟิลิปปินส์และอินโดนีเซีย เป็นกลุ่มประเทศที่เปิดให้มีการประมูลนำเข้าข้าวก็จะใช้เอกชนเป็นตัวนำในการไปเข้าร่วมประมูล”ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของข้าวนาปี57/58นั้นน่าจะมีผลผลิตในระดับ27-28ล้านตัน ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ( 56/57) ที่มีผลผลิต 28.4 ล้านตัน ส่วนในปี55/56มีปริมาณ 26.5 ล้านตัน และ ปี 54/55 มีปริมาณ 25.8 ล้านตันนางดวงพร รอดพยาธิ์อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ กล่าวว่า แผนการระบายสต็อกข้าวรัฐบาลจะมีความร่วมมือกับเอกชนแบบใกล้ชิดมากขึ้น แต่คงไม่ไดเน้นการขายจีทูจีเป็นหลักเพราะมีหลายรูปแบบที่สามารถร่วมมือกันได้ ทั้งการขายข้าวแบบรัฐบวกเอกชนและการให้เอกชนไปหาคำสั่งซื้อและมาซื้อข้าวสต็อกรัฐอีกทอดหนึ่ง“ในส่วนการขายข้าวแบบรัฐบวกเอกชนเป้าหมายคือต้องการตลาดใหญ่ๆที่ภาคเอกชนเข้าไปทำลำบาก เช่น ฟิลิปปินส์ ตอนนี้ติดตามสถานการณ์อยู่แม้ฟิลิปปินส์จะมีการนำเข้าข้าวจากเวียดนามแต่เท่าที่ทราบพบว่าฟิลิปปินส์มีแผนต้องเปิดนำเข้าข้าวอีกมากโดยไทยต้องการเอาส่วนแบ่งตลาดคืนกลับมาและคิดว่าสต็อกที่มีอยู่น่าจะเป็นการสนับสนุนที่ดีให้กับทั้งผู้ส่งออกในการเข้าไปทำตลาดของภาคเอกชนด้วย”อย่างไรก็ตาม ภาครัฐมั่นใจว่าจะสามารถเจรจาขายข้าวไทยได้มากขึ้นเพราะมีรายงานว่าขณะนี้เวียดนามเริ่มมีปัญหาหลังจากที่ขายล่วงหน้าไว้มากแต่ผลผลิตฤดูกาลใหม่ไม่ได้มากอย่างที่คาด จึงถือเป็นโอกาสของไทยซึ่งจะให้เอกชนเดินเข้าไปในช่องทางกลไกการค้าปกติ โดยมีรัฐบาลสนับสนุนอยู่ข้างหลัง
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เอกชน-พาณิชย์ระดมแผนระบายข้าว
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs