ม.ร.ว.ปรีดิยาธรเทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเปิดเผยว่า ในปีหน้าเศรษฐกิจขยายตัวถึง5%ถ้ากระทรวงคมนาคมเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโดยเฉพาะระบบขนส่งให้เป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้เช่น โครงการรถไฟรางคู่จากที่ก่อนหน้านี้ประเมินว่าจีดีพีจะเติบโต4% ขณะที่การส่งออกจะเป็นตัวเสริมเศรษฐกิจนอกเหนือจากการลงทุนและบริโภคในประเทศส่วนปีนี้เศรษฐกิจไทยเติบโตต่ำ1.6-1.9%เพราะในช่วงที่มีปัญหาการเมืองไม่มีเม็ดเงินจากภาครัฐอัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจรวมถึงการส่งออกชะลอตัวแต่เศรษฐกิจไทยยังเป็นบวกเนื่องจากการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมาจากภาคเอกชนเป็นหลักดังนั้นไม่จำเป็นต้องมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบ2เนื่องจากการช่วยเหลือชาวนาไร่ละ1,000 บาทจำนวน 3.4ล้านครัวเรือนและงบประมาณที่เหลือค้างท่อจากปี57 ประมาณ23,000ล้านบาทเพื่อสร้างงาน ซ่อมแซมโรงเรียนและโรงพยาบาลจะเข้าระบบในเดือนธ.ค.นี้และคาดว่าการกระตุ้นเศรษฐกิจจะเห็นผลเต็มที่ไตรมาส1 ปี58 “ความไม่แน่นอนทางการเมืองมีผลต่อเศรษฐกิจบ้างแต่ไม่มากนักเพราะเศรษฐกิจไทย 80%จีดีพีอยู่ที่ภาคเอกชนและการประท้วงช่วง6เดือนที่ผ่านมาเศรษฐกิจยังไปได้แม้ว่าเศรษฐกิจโลกจะชะลอตัวแต่ที่เศรษฐกิจโตช้าเนื่องจากภาครัฐไม่ได้อัดฉีดเงินลงทุนเข้าระบบมากกว่า” ทั้งนี้ยืนยันว่ารัฐไม่มีการใช้นโยบายประชานิยมด้านพลังงานแต่ได้ลดการอุดหนุนราคาพลังงานมากกว่าโดยปรับโครงสร้างราคาพลังงานให้เป็นไปตามกลไกตลาดและเป็นธรรมมากที่สุดคาดว่าจะใช้เวลาทยอยลดการอุดหนุนราคาพลังงาน1 ปีหลังจากที่รัฐบาล 3ชุดที่ผ่านมาใช้นโยบายอุดหนุนพลังงานมาโดยตลอดซึ่งเห็นว่าการปฏิรูปพลังงานเป็นเรื่องที่ต้องทำเพราะการใช้พลังงานของเราสูงถึง18%ของจีดีพีถ้าเทียบกับโลกมีสัดส่วนเพียง10%ของจีดีพี นายบัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการ ธนาคารกสิกรไทย กล่าวว่าการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาจากภาคเอกชนและการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของรัฐซึ่งหากไม่มีปัญหาการเมืองหรือการทะเลาะกันเกิดขึ้นในช่วงต้นปีที่ผ่านมาจีดีพีของไทยจะโตมากกว่า1.5-1.6%ส่วนปีหน้าคาดว่าจีดีพีโตที่4%ถือเป็นระดับปานกลางและถ้ารัฐมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจใหญ่ๆ ออกมาก็จะช่วยหนุนให้เศรษฐกิจเติบโตได้เพิ่มขึ้น แม้ว่าในปีหน้าการส่งออกยังไม่ดีนักแต่หวังว่าการประกาศยกเลิกกฏอัยการศึกจะช่วยให้การท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวโดยเฉพาะในกลุ่มประเทศยุโรปและสหรัฐอเมริกา สำหรับการช่วยเหลือกลุ่มคนระดับล่างยังเป็นเรื่องจำเป็นโดยเฉพาะเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากพืชผลทางการเกษตรตกต่ำเพราะจะให้คนระดับล่างหรือรากหญ้าอดตายคงไม่มีใครเขาทำกันไม่ว่าจะใช้ชื่อโครงการอะไรแต่การช่วยเหลือคนกำลังจมน้ำเป็นเรื่องที่ต้องทำซึ่งเห็นว่าการแก้ปัญหาระยะยาวคือให้คนสามารถเลี้ยงตัวเองได้ และแก้ปัญหาที่ยั่งยืนคือต้องแก้ที่โครงสร้างเช่น ระบบ ชลประทาน และการจัดสรรที่ดิน เป็นต้นส่วนกรณที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นใช้มาตรการคิวอีนั้นไม่กระทบต่อความผันผวนของค่าเงินบาทไทยมากนักเนื่องจากค่าเงินบาทมีเสถียรภาพ
ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “หม่อมอุ๋ย”ยังหวังปีหน้าจีดีพีโต5%
Posts related
- ธุรกิจน้ำดื่มใสสะอาด เพราะชีวิตขาดน้ำไม่ได้!
- ธุรกิจเสื้อผ้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจส่งออกสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านดอกไม้กับความรัก ความยินดี และ ความสดชื่นของชีวิต
- ธุรกิจโรงแรมรีสอร์ทที่พัก ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- ธุรกิจร้านกาแฟ คุณคิดว่าคนที่ดื่มกาแฟเป็นประจำ จะมีสักกี่วันที่หยุดดื่ม? น่าลองขายนะ!
- ธุรกิจซักอบรีด รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจค้าปลีกสินค้า ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจร้านเบเกอรี่ รูปแบบไหนดีที่สุด?
- ธุรกิจขายส่งสินค้า ดีไม?ดียังไง? ปัจจุบันมีกี่รูปแบบ?
- อาชีพเสริมรายได้เสริม เมื่อมีรายได้หลายทางย่อมดีกว่ารายได้ทางเดียว
- 10 อาชีพเสริมที่น่าสนใจ
- อาชีพเสริม ถ้าไม่เริ่มทำตอนนี้แล้วจะรวยตอนไหน?
- ธุรกิจสปา ดีไม?ดียังไง?
- ธุรกิจคาร์แคร์ ดีไม?ดียังไง?
- 6 รูปแบบธุรกิจออนไลน์ที่ใครก็ทำได้ง่ายๆ
- 5 Trendsของยุค2020ที่จะนำไปสู่ธุรกิจชั้นนำที่น่าสนใจ
- แบบทดสอบประเมินตัวคุณเป็นยังไงและควรจะทำธุรกิจแนวไหนดี
- ความแตกต่างระหว่างธุรกิจส่วนตัวกับอาชีพอื่นๆ
- จะเริ่มต้นขายของออนไลน์ได้อย่างไร
- 5 ขั้นตอนการเริ่มต้นเปิดร้านค้าออนไลน์
- เทคนิคในการเลือกธุรกิจแฟรนไชส์ที่น่าสนใจ
- ทำไมต้องธุรกิจแฟรนไชส์ ดียังไง
- 5 เทคนิคควรรู้ก่อนตั้งชื่อธุรกิจออนไลน์
- 5 สิ่งที่ต้องห้ามเมื่่ออยากทำธุรกิจส่วนตัว
- 7 เทคนิคพื้นฐานสร้างธุรกิจSMEให้รอด
- จะเริ่มต้นธุรกิจส่วนตัวยังไงเริ่มจากไหนดี?
- ทำไมจะต้องทำธุรกิจส่วนตัว?
- ความรู้เบื้องต้นความหมายธุรกิจSMEs