นางพัลลภา เรืองรอง กรรมการกำกับกิจการพลังงาน(เรกูเลเตอร์) เปิดเผยว่า ขณะนี้เรกูเลเตอร์ กำลังปรับโครงสร้างค่าไฟฟ้าฐานใหม่ เพื่อนำเสนอรัฐบาลใหม่เห็นชอบ เช่น การอนุมัติอัตราค่าไฟฟ้า รองรับการใช้มิเตอร์ไฟฟ้าแบบเติมเงิน การลดค่าบริการในบิลค่าไฟฟ้าที่ปัจจุบันเรียกเก็บบิลละ 25 บาท เพื่อลดการเรียกเก็บซ้ำซ้อน รวมถึงการตรวจสอบการใช้ไฟฟรีในที่บริการสาธารณะ เพื่อทำให้โครงสร้างค่าไฟฐานใหม่เป็นธรรมกับประชาชนมากขึ้น สำหรับกรณีมิเตอร์ไฟแบบเติมเงินนั้น ล่าสุดการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.)ได้เสนอติดตั้งในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้ เพื่อเป็นทางเลือกให้บ้านที่อยู่อาศัย เพราะมีปัญหาเรื่องการเข้าไปเก็บเงิน และความปลอดภัยของทุกฝ่าย ส่วนค่าบริการบิลค่าไฟที่เรียกเก็บ 25 บาทต่อบิลนั้น เรกูเลเตอร์ เห็นว่า เรียกเก็บซ้ำซ้อนจริง เพราะผู้ใช้หลายรายจ่ายผ่านเคาท์เตอร์เซอร์วิส ต้องเสียค่าใช้จ่ายเพิ่ม จึงต้องลดค่าบริการลงมา โดยกฟภ. และการไฟฟ้านครหลวง กำลังเร่งสรุปต้นทุนดำเนินการอยู่ ซึ่งต้องแยกส่วนนี้ออกมาให้ชัดเจนในโครงสร้างค่าไฟใหม่ด้วย ส่วนกรณีไฟฟ้าฟรีที่เป็นระบบสาธารณะเช่น ไฟทางหลวง  ไฟตามทางหมู่บ้าน ที่แฝงอยู่ในค่าไฟฐานถึง 4,000 ล้านบาท หรือคิดเป็นค่าไฟที่ 3 สตางค์ต่อหน่วยนั้น อยู่ระหว่างตรวจสอบว่า การใช้ไฟมีประสิทธิภาพมากน้อยเพียงใด เพื่อทำให้ส่วนนี้ลดลงได้อีก “กฟภ. ได้ติดมิเตอร์เติมเงินนำร่องใช้ในหลายพื้นที่แล้ว โดยเฉพาะที่พัทยากว่า 1,000 มิเตอร์ พบว่า เทคโนโลยีขณะนี้สะดวกกว่าอดีตมาก เติมเงินในบัตรเติมเงิน (สมาร์ท การ์ด) ที่ไหนก็ได้ ซึ่งอดีตต้องไปที่กฟภ.เท่านั้น เราจึงสนับสนุนวิธีนี้มาก เพราะประชาชนร้องเรียนมาเยอะ โดยเฉพาะชุมชนแออัด ร้านค้าหาบเร่แผงลอย ที่เขาต้องใช้ไฟชั่วคราวที่คิดค่าไฟสูงถึง 6 บาทต่อหน่วย ที่สำคัญไม่ต้องกังวลว่า จะโดนตัดไฟ เพราะเราคุมการใช้เอง ซึ่งวิธีนี้จะสนับสนุนให้อพาร์ทเมนท์มาเสนอขอใช้ได้ด้วย” อย่างไรก็ตามกรณีท่อส่งก๊าซธรรมชาติแหล่งเยตากุน ต้องหยุดซ่อมบำรุงระหว่าง 31 ธ.ค.56-14 ม.ค.57 ส่งผลให้ก๊าซฯหายไปจากระบบ 1,100 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวันนั้น เรกูเลเตอร์ร่วมกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เพื่อนำร่องโครงการส่งเสริมการลดใช้ไฟในช่วงความต้องการสูงสุด ระหว่าง 8-10 ม.ค.นี้ โดยได้เชิญชวนให้เอกชนรายใหญ่ ร่วมเสนอตัวลดใช้ไฟ ปรากฏว่าล่าสุดมีแสดงเจตจำนงมาทั้งสิ้นแล้ว 8 รายรวมกำลังไฟฟ้าที่จะลดได้ 100 เมกะวัตต์ เช่น บริษัท เหล็กก่อสร้างสยาม เสนอลดใช้ไฟ 50 เมกะวัตต์ ,เหล็กสยาม(2001)  21.86 เมกะวัตต์ , ธนากรผลิตภัณฑ์น้ำมันพืช 1.77 เมกะวัตต์ ,เทสโก้ โลตัส 14.90 เมกะวัตต์ , สยามพิวรรธน์ 0.14 เมกะวัตต์ ,สยามแม็คโคร 5.70 เมกะวัตต์ , เซ็นทรัลพัฒนา 2.05 เมกะวัตต์ และบิ๊กซี 14.9 เมกะวัตต์ “ช่วง 3 วันคือ 8-10 ม.ค.ตามห้างสรรพสินค้าที่ร่วมโครงการอาจจะลดอุณหภูมิแอร์ เพื่อประหยัดไฟตามโครงการนำร่องในช่วงเวลา 13.00 น.ซึ่งเป็นช่วงพีค ประชาชนก็อย่าต่อว่าหากจะร้อนบ้างเล็กน้อย เพราะถือว่าเขาได้ช่วยชาติประหยัดในการเดินโรงไฟฟ้าด้วยน้ำมันเตาและดีเซลที่มีราคาแพงซึ่งจะไปสะท้อนในค่าไฟ ซึ่งเป้าหมายเดิมที่วางไว้หากมีผู้ร่วมลด 200เมกะวัตต์จะประหยัดค่าไฟได้ 0.05 สตางค์ต่อหน่วย”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : เร่งปรับโครงสร้างค่าไฟใหม่ไว้รอรัฐบาล

Posts related