ป้ายของด่านศุลกากรทุ่งช้างที่ติดไว้ว่า “น่าน ล้านนาตะวันออกประตูสู่อินโดจีน” กับระยะทางจาก ณ จุดที่ติดป้ายของจุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋นเพียง 152 กิโลเมตร ก็จะไปถึงยังเมืองมรดกโลกของ สปป.ลาว อย่างหลวงพระบาง อาจจูงใจใครหลายคนที่อยากไปสัมผัสและมองว่านี่คืออีกทางเลือกที่น่าสนใจกับเส้นทางจากหนองคาย ผ่านวังเวียง แล้วจึงค่อยขึ้นไปถึงหลวงพระบางซึ่งเป็นเส้นทางเดิม ๆ  ขณะที่เมืองหล้าหรือเมืองลาในเขตเมืองสิบสองปันนาของจีนนั้น ดูจะใกล้แค่เอื้อมกับระยะทางเพียงแค่ 295 กิโลเมตร หรือจะเลยไปถึงเดียนเบียนฟูของเวียดนามเพียงแค่ 406 กิโลเมตร แต่ระยะทางไม่กี่ร้อยกิโลเมตรที่อาจขับรถเพียงแค่ครึ่งวันก็ถึงสำหรับทางหลวงแผ่นดินของไทยนั้น ห้ามเอาไปเทียบกับทาง หลวงของ สปป.ลาวอย่างเด็ดขาด เพราะการเดินทางไปหลวงพระบางที่เหมือนจะใกล้นั้น หากไปตามระยะทางที่ใกล้ที่สุดด้วยการแยกจากเมืองหงสาที่อยู่ห่างไปเพียง 35 กิโลเมตร ตามป้ายที่บอกว่าหลวงพระบางอยู่ห่างไปอีก 120 กิโลเมตร อาจต้องใช้เวลาเกินทั้งวัน เพราะระยะทางที่ว่านั้นยังเป็นถนนลูกรังแบบที่เหมาะกับผู้นิยมเส้นทางออฟโรดมากกว่า ส่วนอีกเส้นทางที่จะต้องไปผ่านแขวงอุดมไชยก่อนนั้นซึ่งเรียกได้ว่าสะดวกกว่ามีระยะทางเกือบ 200 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าอยู่ที่ราว 6-7 ชั่วโมง รวมเวลาแวะรับประทานอาหารกลางวันระหว่างทางด้วย แต่ใช่ว่าถนนสายนี้จะดีขับสะดวกอย่างที่คิด เพราะถนนใน สปป.ลาว ที่เชื่อมระหว่างเมืองส่วนใหญ่ยังคงเป็นถนนลาดยางมะตอย 2 เลนสวนกัน ซึ่งมีขนาดแคบกว่าเมื่อเทียบกับถนนในไทยเพราะส่วนใหญ่จะไม่มีไหล่ทาง จะมีขนาดกว้างขึ้นบ้างก็ช่วงที่ผ่านชุมชนสองข้างทางและช่วงที่ผ่านเมืองระหว่างทาง ขณะที่ถนนส่วนที่พังบางช่วงมีหลุมขนาดใหญ่ซึ่งรถยนต์ส่วนบุคคลหรือรถตู้โดยสารจะต้องใช้ความระมัดระวังมากเป็นพิเศษ ขณะที่ถนนซึ่งเพิ่งสร้างเสร็จไม่กี่ปีเริ่มชำรุด แต่สะพานข้ามแม่น้ำโขงในช่วงบ้านท่าเดื่อกลับดูแตกต่างอย่างสิ้นเชิง เพราะสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งนี้เพิ่งสร้างสร็จไม่นานด้วยเทคโนโลยีของบริษัทผู้รับเหมาจากเกาหลีใต้ ซึ่งกำลังเป็นนักท่องเที่ยวกลุ่มหลักของหลวงพระบาง เดิมก่อนที่จะมีสะพานข้ามแม่น้ำแห่งนี้การข้ามแม่น้ำโขงช่วงนี้ยังต้องอาศัยเรือบั๊กที่สามารถพาทั้งคนและรถยนต์ไปพร้อมกันได้ซึ่งจะให้บริการตั้งแต่เช้าจนถึงแค่ 6 โมงเย็นเท่านั้น บนเส้นทางเดียวกันนอกจากจะใช้รถยนต์วิ่งยาวไปถึงหลวงพระบางแล้ว นักท่องเที่ยวบางกลุ่มยังเลือกที่จะสัมผัสบรรยากาศการล่องเรือในแม่น้ำโขงสู่หลวงพระบางด้วย โดยไปขึ้นเรือที่ท่าเรือปากห้วยแคนเลยจากด่านห้วยโก๋นไปประมาณ 45 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง ก็จะถึงหลวงพระบาง การเดินทางด้วยเรือแบบที่ว่านั้นอาจจะใช้เวลานานกว่าทางรถยนต์ในปัจจุบัน แต่น่าจะให้ความรู้สึกที่รื่นรมย์กว่า เพราะถนนสายที่ว่าซึ่งขรุขระเป็นบางช่วงจนต้องทำใจนั้นอาจทำให้หลายคนต้องเหน็ดเหนื่อยกับการเดินทางมากกว่าเท่านั้นเอง แต่สุดท้ายก็จะถึงปลายทางที่หลวงพระบางเช่นกัน. เริ่มต้นที่‘ห้วยโก๋น’ จุดผ่านแดนถาวรบ้านห้วยโก๋นหรือด่านพรมแดนห้วยโก๋น–น้ำเงิน เป็นจุดผ่านแดนระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเฉลิมพระเกียรติจังหวัดน่าน แรกเริ่มจัดตั้งเป็นจุดผ่านแดนถาวรตามประกาศกระทรวงมหาดไทยลงวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2537 โดยมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2537 ซึ่งในขณะนั้นด่านห้วยโก๋นประเทศไทยมีฐานะเป็นด่านสากลแต่ด่านเมืองเงินแขวงไชยบุรีเป็นด่านในระดับท้องถิ่น จึงมีปัญหาในการเข้าออกผ่านแดนของชาวต่างชาติ ต่อมาในปี พ.ศ.2546 องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่านได้ทำการก่อสร้างอาคาร ร้านค้า ถนน ตลาดการค้าชายแดนไทย–ลาวและซุ้มประตูด้วยงบประมาณ 28 ล้านบาทเศษ บนพื้นที่ก่อสร้างประมาณ 19 ไร่ และในปีงบประมาณ 2550 องค์การบริหารส่วนจังหวัดน่านได้จัดสรรงบประมาณจากจังหวัดน่านก่อสร้างอาคารและระบบสาธารณูปโภคสาธารณูปการเพิ่มเติมอีกประมาณ 10 ล้านบาทโดยมีองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโก๋นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบดูแล และเมื่อวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ได้รับการยกระดับเป็นด่านสากลห้วยโก๋น-น้ำเงินจนถึงปัจจุบัน

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : สำรวจเส้นทางสู่หลวงพระบาง

Posts related