shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

shoplri.com ธุรกิจขนาดกลาง ธุรกิจขนาดย่อม ธุรกิจsme

Archives for ข่าวการตลาด เศรษฐกิจ

จีนคอนเฟิร์มใช้สินค้าเกษตรแลกรถไฟ

นางหยิ่น ไห่หง ที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง เอกอัคราชทูตจีนประจำประเทศไทย เปิดเผยในงานแถลงข่าวการจัดนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงจีน ที่สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ มักกะสันว่า จีนยินดีให้ไทยใช้สินค้าเกษตรไทยเป็นส่วนหนึ่งในการแลกเปลี่ยนกับระบบรถไฟฟ้าของจีน โดยถือเป็นชาติแรกที่จีนให้ทำ และที่ผ่านมาไม่เคยปฏิบัติกับประเทศใดมากก่อน เพื่อเป็นการตอบสนองความสัมพันธ์อันดีระหว่างทั้ง 2 ประเทศ อีกทั้งการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสุดจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจไทย และสนับสนุนให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมของภูมิภาคได้ นายโจว หลี ผู้อำนวยการหน่วยควบคุมเทคโนโลยีรถไฟ องค์การรถไฟแห่งประเทศจีน กล่าวว่า ปัจจุบันรถไฟความเร็วสูงของจีนมีเทคโนโลยีที่ทันสมัย ทั้งมีความเร็วสูงสุดในโลก มีระยะทางรวมกันกว่า 9,700 กม. และยังมีระบบรถไฟที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวขบวนเอง โดยล่าสุดได้นำโมเดลรถไฟฟ้า มาจัดแสดงในงานนิทรรศการรถไฟความเร็วสูงแห่งประเทศจีน ที่สถานีมักกะสันระหว่างวันที่ 25 ต.ค.-25 พ.ย.นี้ “สิ่งที่องค์การรถไฟจีน ต้องเร่งดำเนินการในขณะนี้คือ การสร้างความเข้าใจและความเชื่อมั่นกับประชาชนชาวไทย เกี่ยวกับประโยชน์ของรถไฟความเร็วสูง และระบบเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของจีน เพราะจากการสำรวจพบว่า คนไทยส่วนใหญ่ยังไม่รู้จักเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง และยังมีข้อสงสัยมากมายกับเทคโนโลยีของจีน ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติที่ระยะแรกประชาชนจะไม่เข้าใจ ที่ผ่านมาชาวจีนก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน แต่ปัจจุบันพบว่าจำนวนผู้โดยสารรถไฟของจีนเพิ่มขึ้น 10%ต่อปี ดังนั้นการจัดนิทรรศการจะช่วยทำให้คนไทยรู้จักเทคโนโลยีของจีนเพิ่มขึ้น” ทั้งนี้ จีนมีความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทยในทุกเส้นทาง แต่จะดำเนินโครงการใดนั้น ขึ้นอยู่กับรัฐบาลไทยเป็นผู้ตัดสินใจ โดยที่ผ่านมาจีนได้ศึกษาเบื้องต้นแล้ว 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-หนองคาย ส่วนระบบรถไฟความเร็วสูงที่จะนำมาใช้ในไทยนั้นจะเป็นระบบที่ดีที่สุด ซึ่งได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และมั่นใจในความปลอดภัย ส่วนการเกิดอุบัติเหตุรถไฟเร็วสูงในจีนช่วงทีผ่านมา เป็นอุบัติเหตุที่ไม่เกี่ยวกับระบบ และปัจจุบันก็พบว่าอุบัติเหตุรถไฟจีนลดลงแล้ว นายหวาง ตี้ฝู ผู้จัดการโครงการรถไฟในไทย องค์การรถไฟแห่งประเทศจีน กล่าวว่า จุดเด่นของรถไฟความเร็วสูงของจีน คือ เทคโนโลยีที่สมบูรณ์แบบ มีการออกแบบและผลิตตัวรถไฟความเร็วสูงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นระบบควบคุมและขับเคลื่อน ตัวรถ ระบบเบรก ขณะเดียวกันยังมีประสบการณ์ก่อสร้างมากและหลากหลายสภาพแวดล้อม ทั้งภูเขา และที่ราบ ส่วนต้นทุนรถไฟความเร็วสูงของจีนนั้น ยังไม่สามารถระบุได้เพราะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความเร็วของรถไฟ ระยะทาง และลักษณะภูมิประเทศ ด้านนายพีรกันต์ แก้ววงศ์วัฒนา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด กล่าวว่า บริษัทมีความพร้อมเข้าไปบริหารจัดการเดินรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)ที่จะก่อสร้างรวม 4 เส้นทาง เนื่องจากการให้บริการรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ที่มีอยู่ ถือเป็นกึ่งรถไฟความเร็วสูงอยู่แล้วจึงสามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการให้บริการรถไฟความเร็วสูงในทุกเส้นทางได้ ทั้งนี้หากมีนโยบายที่ชัดเจนออกมาบริษัทพร้อมจะร่วมมือกับมหาวิทยาลัยของรัฐ และผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงจากจีน จัดหลักสูตรเตรียมบุคลากรให้พร้อมได้อย่างแน่นอน เนื่องจากปัจจุบันบริษัทมีวิศวกรที่ดำเนินงานอยู่แล้วประมาณ 500-600 คน จึงสามารถนำบุคคลากรทั้งหมดเหล่านี้ไปเพิ่มทักษะเพื่อรองรับการให้บริการรถไฟความเร็วสูงได้ “ระบบต่างๆ รวมถึงขบวนรถไฟที่นำไปให้บริการไฮสปีดเทรนเหมือนกับไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิ้งค์ มีเพียงระบบอาณัติสัญญาณเท่านั้นที่แตกต่างกัน สามารถใช้ความเร็วได้สูงสุด 160 กม.ต่อชั่วโมง เพิ่มอีกนิดหน่อยให้วิ่งได้ 200 กม.ต่อชั่วโมงขึ้นไป ก็เป็นไฮสปีดเทรนแล้ว ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าในและเรียนรู้เพิ่มเติม จึงมั่นใจว่าจะสามารถให้บริการเดินรถไฟความเร็วสูงได้แน่นอน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : จีนคอนเฟิร์มใช้สินค้าเกษตรแลกรถไฟ

Posts related

 














แบงก์ชาติปรับจีดีพีไทยเหลือ 3.7% จาก 4.2%

นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการสายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)เปิดเผยว่า ธปท.มีมติปรับลดประมาณการณ์เศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ในปี 56 ปรับลดลงจากเดิม 4.2% เหลือเพียง 3.7% และปี 57 ปรับลดลงจากเดิม 5% เหลือเพียง 4.8% ขณะที่ การส่งออกในปี 56 ปรับลดลงจากเดิม 4% เหลือเพียง 1% และปี 57 จากเดิม 8% เหลือเพียง 7% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยเฉพาะการบริโภคภาคเอกชนพักฐานนานกว่าที่คาดและประชาชนยังค่อนข้างระมัดระวังการใช้จ่าย, แรงกระตุ้นจากการลงทุนภาครัฐมีแนวโน้มล่าช้า รวมทั้ง การส่งออกที่ฟื้นตัวช้า เพราะบางสินค้ามีข้อจำกัดเชิงโครงสร้าง และไม่ได้รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าอย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ที่ประชุมประเมินว่าเศรษฐกิจไทยปี 57 จะมีโอกาสขยายตัวดีกว่าปีนี้ เนื่องจากภาคการส่งออกจะมีบทบาทการขับเคลื่อนเศรษฐกิจมากขึ้น และช่วยกระตุ้นการลงทุนของภาคเอกชน รวมถึงการบริโภคสินค้าคงทนน่าจะขยายตัวได้สูงกว่า แต่การลงทุนของภาครัฐที่มีแนวโน้มล่าช้าส่งผลให้การประเมินจีดีพีในปีหน้าต่ำกว่าคาดการณ์เดิมเล็กน้อย อย่างไรก็ตาม ปัจจัยเสี่ยงต่อเศรษฐกิจไทยนั้น ธปท.มองว่ายังมีความล่าช้าเรื่องการเบิกจ่ายงบลงทุนของภาครัฐที่จะเริ่มขึ้นในปีหน้า อาจทำให้จีดีพีขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้, การฟื้นตัวของประเทศในกลุ่มจี 3 ที่ยังไม่แน่นอน แม้มีแนวโน้มดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าคาดไว้ รวมถึงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐอาจล่าช้าจากเดิมที่คาดว่าจะเริ่มได้ตั้งแต่ไตรมาสแรก ปี 57 และสามารถใช้จ่ายได้เพียง 50% ของวงเงินที่รัฐตั้งไว้ รวมถึงปัญหาเพดานหนี้สาธารณะของสหรัฐที่ยังแก้ไขได้ไม่เบ็ดเสร็จเด็ดขาด สร้างความไม่แน่นอนต่อตลาดเงินโลก เช่นเดียวกับนโยบายการเงินของสหรัฐที่จะทยอยลดการผ่อนคลายลงก็ยังไม่รู้ว่าจะเริ่มเมื่อใด จึงเป็นปัจจัยที่กระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศผันผวนและสร้างความผันผวนต่ออัตราแลกเปลี่ยนด้วย //////////////////////////////////// ธปท.ทุบจีดีพีไทยปี 56 เหลือเพียง 3.7% และปี 57 เหลือเพียง 4.8% ขณะที่ การส่งออกในปี 56 เหลือเพียง 1% และปี 57 เหลือเพียง 7% เนื่องจากเศรษฐกิจไทยขยายตัวต่ำกว่าที่คาดไว้

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : แบงก์ชาติปรับจีดีพีไทยเหลือ 3.7% จาก 4.2%

“โต้ง”เปิดศึกฉะ “กรณ์”ผ่านเฟซบุ๊คยันไม่มีแผนขึ้นแวต

รายงานข่าวแจ้งว่า นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลังโพสต์ผ่านเฟซบุ๊ค ตอบโต้นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.คลังและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ในเรื่องของการปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม(แวต) ว่า ไม่มีแผนที่จะปรับขึ้นแวต ตามที่อดีตรัฐมนตรีคลังตัวสูงๆ โกหกไว้ บางทีเขาอาจจะว่างมากและไม่มีเพื่อน (ที่จะไปเล่นกอล์ฟด้วย) ทั้งนี้เมื่อวันที่ 24 ต.ค.นายกรณ์ จาติกวณิช อดีต รมว.การคลังและรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า การขึ้นแวต 7% เป็น 10% นั้นเป็นการรีดภาษีจากคนจนมาช่วยคนรวย เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลได้ลดภาษีภาษีนิติบุคคลจาก 30% เหลือ 20% ทำให้รายได้หายไปประมาณ 200,000 ล้านบาท ซึ่งขึ้นแวต 1%รายได้เพิ่มขึ้น 60,000 ล้านบาทถ้าขึ้นแวตเป็น10% ก็จะมีรายได้เพิ่มขึ้นเท่าๆ กับที่รัฐบาลลดภาษีให้นายทุนและคนรวย แต่เป็นการเก็บชดเชยจากประชาชนทุกคน ซึ่งทำให้รายได้รัฐไม่แตกต่างจากเดิม แต่ความเหลื่อมลํ้าเพิ่มขึ้นมาก ส่วนวิธีที่ดีที่สุดที่จะหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษีก็คือการลดภาระค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง ยกเลิกการจำนำข้าวและชดเชยโดยตรงให้ชาวนา เราก็จะประหยัดเงินภาษีไปได้ปีละกว่า 200,000 ล้านบาท ถ้าทำอย่างนี้ก็จะไม่ต้องเพิ่มภาระให้ประชาชนแม้แต่บาทเดียว

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : “โต้ง”เปิดศึกฉะ “กรณ์”ผ่านเฟซบุ๊คยันไม่มีแผนขึ้นแวต

Page 1502 of 1552:« First« 1499 1500 1501 1502 1503 1504 1505 »Last »
Home Webmail Password Help File Manager Logout Edit a file