นายอรรคพล สรสุชาติ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการจัดประชุมและนิทรรศการ(สสปน.) เปิดเผยถึงกรณี ที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ได้พาดพิงตนเองในการอภิปรายไม่ไว้วางใจเมื่อวันที่27 พ.ย.ที่ผ่านมา กี่ยวกับการยื่นใบลาออกจากตำแหน่งผู้อำนวยการสสปน. ว่าไม่เป็นความจริงเพราะมีการบีบให้ตนลาออกส่วนเรื่องการกล่าวหาว่าสสปน.มีเอกสารที่ต้องยื่นในการส่งชื่อเข้าเป็นเจ้าภาพเวิร์ลเอ็กโปร2020 ไม่ครบนั้นไม่ได้เป็นจริงเป็นเช่นนั้น เพราะสสปน.ได้ยื่นเอกสารถึงคณะกรรมการงานมหกรรมโลก (บีไออี) ไปเรียบร้อยครบถ้วน  และมีเอกสารยืนยันที่แน่ชัดได้ แต่ที่ขาดไปคือการยืนยันจากรัฐบาลไทยไม่ใช่จากสสปน. “ผมพูดมาตลอดว่าประเทศที่แข่งกันเป็นเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โปจริง ๆคือไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (ดูไบ) เท่านั้น ซึ่งไทยเราได้เปรียบที่สุดทั้งเรื่องที่ตั้งมีความพร้อมเรื่องแรงงาน และแนวคิด แต่ในที่สุดไทยต้องแพ้เมื่อประกาศผลออกมาว่าดูไบได้เป็นเจ้าภาพเมื่อวันที่27พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งถ้าเป็นการแพ้บนเวทีก็จะไม่มีใครว่าแต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือเราถูกตัดสิทธิ์ หรือถูกไล่ลงจากเวทีตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมาเพียงเพราะรัฐบาลไทยไม่ยอมยืนยันเอกสารกับบีไออี ทำให้ไทยเสียโอกาส และงบประมาณการศึกษาว่าจ้างกว่า 100 ล้านบาท รวมถึงคาดว่าจะหากได้เป็นเจ้าภาพไทยจะมีรายได้มากกว่า 100,000 ล้านบาทนักท่องเที่ยวเข้ามากว่า 37 ล้านคน ตลอดช่วง 6 เดือนที่มีการจัดงาน”

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ตอกหน้ารัฐบาลทำไทยชวดเจ้าภาพเวิลด์เอ็กซ์โป 2020

Posts related