นายอัษฎางค์ เชี่ยวธาดากรรมการธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (ธพว.)ในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ เปิดเผยว่าได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่เก็บรวบรวมข้อมูลและเอกสารที่เกี่ยวข้องกับคดีความการทุจริตภายในธนาคารทั้งหมดหากรวบรวมเอกสารแล้ว คงต้องมาพิจารณาว่าเป็นปัญหาประเภทใด โดยจะแบ่งกลุ่มเป็นกลุ่มที่มีความเร่งด่วนก็จะนำมาตรวจสอบก่อน เช่นคดีที่ได้รับความเสียหายต่อธนาคารโดยตรงอย่างการฟ้องร้องลูกหนี้ที่เป็นหนี้เสียเอ็นพีแอลที่ทำให้ธนาคารได้รับผลกระทบอย่างมาก ซึ่งหากรายใดมีการฟ้องร้องอยู่แล้ว ก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการและรายใดที่ค้างอยู่คณะกรรมการชุดก่อนหน้า ก็จะดำเนินกระบวนการทางคดีต่อไป นอกจากนี้ คดีที่ได้รับมาทั้งหมดรวมไปถึงข้อพิพาทระหว่างคณะกรรมการชุดก่อนและอดีตกรรมการผู้จัดการที่มีปัญหากันด้วยหากมีการตั้งคณะกรรมการตรวจสอบอยู่แล้ว ก็จะให้ดำเนินตามกระบวนการต่อไปได้ทันทีแต่ส่วนที่ยังไม่มีการดำเนินการใดๆก็จะตั้งคณะกรรมการเข้าไปตรวจสอบโดยจะต้องเป็นไปอย่างละเอียดรอบคอบ โดยข้อมูลทุจริตดังกล่าว เช่นโครงการสินเชื่อเลิกจ้างงานที่ยืมเงินประกันสังคมมาปล่อยกู้ กรณีการรับฝากเงินขององค์กรสวนยางโครงการจัดซื้อจัดจ้างทำระบบคอลแบงก์กิ้งของธนาคารและกรณีปล่อยกู้ให้กับธุรกิจราชประสงค์หลังความวุ่นวายทางการเมืองเมื่อปี 53จัดซื้อจัดจ้างอุปกรณ์สำนักงานที่เกินจริง “ทางกระทรวงการคลังปล่อยให้คณะกรรมการตรวจสอบชุดนี้ให้พิจารณาอย่างอิสระ โดยสั่งให้เจ้าหน้าที่รวบรวมคดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับแบงก์ไม่ว่าจะมาจากแบงก์เอง หรือไม่ว่าจะมาจากหน่วยงานไหน ก็สั่งให้เก็บรวมรวบมาทั้งหมดจากนั้นจะเข้าไปดูเพื่อพิจารณา ผิดก็ว่าไปตามผิด ไม่ว่าจะลงโทษทางวินัยหรือการฟ้องร้องก็จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด” นายอัษฎางค์ กล่าวว่า เรื่องเร่งด่วนที่ธนาคารต้องเร่งดำเนินการซึ่งอยู่ในแผนฟื้นฟูชุดใหม่นี้ คือ การขายหนี้ด้อยคุณภาพหรือขายหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือเอ็นพีแอลออกไป 20,000 ล้านบาทจากหนี้ปัจจุบันอยู่ที่ 34,000 ล้านบาทซึ่งในขณะนี้กำลังพิจารณาถึงความเหมาะสมของสัดส่วนหนี้ที่จะขายออกไปในครั้งแรกว่าจะขายไปในจำนวนเท่าไรโดยจะให้บริษัทบริหารสินทรัพย์เข้ามาประมูล คาดว่าจะสรุปได้ภายใน 2 เดือนนี้ส่วนระยะที่ 2 ทางคณะกรรมการจะพิจารณาปรับโครงสร้างผู้บริหารภายในองค์กร ให้มีความเหมาะสมกับการบริหารจัดการของธนาคารโดยอาจปรับลดในในส่วนของผู้บริหารระดับสูงบางรายเพื่อให้เหมาะสมและไม่เกินความจำเป็น “จากแผนฟื้นฟูกิจการของบอร์ดชุดใหม่นี้ เชื่อว่าภายใน 1ปีจะเห็นเด่นชัดมากขึ้น และมั่นใจจะไม่แย่ลงไปกว่าบอร์ดชุดก่อนในอดีตอาจไม่ถึงกับต้องควบรวมอย่างที่เป็นข่าวแต่ก็ขึ้นอยู่กับกระทรวงการคลังด้วยว่าจะเห็นอย่างไรซึ่งถ้าในอนาคตมีการเมืองเข้ามาแทรกแซงธนาคารอีกเหมือนครั้งในอดีตแบงก์ก็อาจเข้าสู่วิกฤติเหมือนเดิมอีกได้” รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง กล่าวว่าทางกระทรวงการคลังได้กำชับคณะกรรมการชุดนี้ถึงเรื่องการตรวจสอบทุจริตภายในของธนาคารให้ดำเนินการตรวจสอบจนถึงที่สุดและให้เป็นไปด้วยความโปร่งใส เพื่อเรียกความเชื่อมั่นและทำภาพลักษณ์องค์กรให้กลับมา นอกจากนี้ยังให้อำนาจธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ที่สามารถตรวจสอบและดำเนินการกล่าวโทษผู้กระทำความผิดได้หากธปท.ตรวจพบความผิดในการดำเนินธุรกิจสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐซึ่งสามารถส่งต่อให้สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตหรือสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินได้ทันที

ขอขอบคุณแหล่งที่มา : ธพว.สั่งรวบรวมคดีทุจริตลุยตรวจสอบ

Posts related